“เก็ทมอร์ บีอิ้ง” อัดกลยุทธ์ท่องเที่ยว!! วางแผนกลยุทธ์สินค้าใหม่ คาดยอดขายสิ้นปีเติบโต 200%

บริษัท เก็ทมอร์ บีอิ้ง จำกัด เดินหน้ากลยุทธ์  O2O เจาะตลาดนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ ผ่านไป 3 ไตรมาส สามารถสร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 140 เปอร์เซ็นต์ ตั้งเป้าสิ้นปีเติบโตมากกว่า 200 เปอร์เซ็นต์  ปัจจัยการเติบโตมาจากการเจาะกลุ่มนักธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน และการเข้ามาของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มุ่งเน้นการทำการตลาดออนไลน์ ผนวกกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วตอบโจทย์ รวมถึงแคมเปญทริปท่องเที่ยวที่มีการจัดอย่างต่อเนื่อง และสิ้นปีนี้ เตรียมเปิดผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ นวัตกรรมใหม่จากประเทศเกาหลี เดินหน้าทำการตลาดกับร่วมกับศาสตร์โหงวเฮ้ง ในปี 2568 

อำไพ อบเชย รองประธาน บริษัท เก็ทมอร์ บีอิ้ง จำกัด  เปิดเผยว่า “เก็ทมอร์ บีอิ้ง” มีการปรับกลยุทธ์ใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับนักธุรกิจคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาในปีนี้  โดยมีการผสมผสานการทำธุรกิจ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านระบบการตลาดแบบ  O2O (Online-to-Offline) เพื่อเจาะให้ถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่บริษัทวางไว้  และมีการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและมีทิศทางการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา  “เก็ทมอร์ บีอิ้ง” มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถทำยอดขายเติบโตสูงถึง 140 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา คาดการณ์ในปีนี้จะสามารถทำยอดขายเติบโตมากกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ ได้อย่างแน่นอน !!  

“เรามีการเติบโตที่ดีมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมีปัจจัยมาจากนักธุรกิจของเรา ที่ส่วนมากจะเป็นนักธุรกิจพาร์ทไทม์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนมากทำงานบริษัทเอกชน และ รับราชการ มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี และก็เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายเป็นอาชีพเสริม เพื่อหารายได้กระเป๋าที่สอง โดยในปีนี้ มีหลายคนที่สามารถทำรายได้มากกว่ารายได้ประจำและหลายคนก็ตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจ “เก็ทมอร์ บีอิ้ง” แบบเต็มตัว  นอกจากนี้ เรายังมีนักธุรกิจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เก่งด้านตลาดออนไลน์เข้ามาเสริมทัพอีกแรงหนึ่ง  ซึ่งน้อง ๆ กลุ่มนี้ทำออนไลน์มาตลอดชีวิต และมองเห็นความสวยงามของธุรกิจเครือข่าย ว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้อย่างยั่งยืนได้ และด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทำให้เขาสามารถมองเห็นช่องทางที่จะประสบความสำเร็จได้ในธุรกิจนี้ เพราะตลาดเครือข่าย โดยเฉพาะตลาดออนไลน์เป็นตลาดที่ใหญ่มาก และสามารถขยายได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้” 

องค์ประกอบสามเหลี่ยมธุรกิจ อำไพ อบเชย  กล่าวต่อว่า  การจะสร้างองค์กรให้ประสบความยั่งยืน ในหนึ่งองค์กรจะประกอบด้วย คน 4 กลุ่ม  ได้แก่ 1.กลุ่มคนที่เราไปชวนทำธุรกิจ แต่เขายังไม่สนใจ กลุ่มนี้จะเยอะที่สุด 2.กลุ่มผู้บริโภค  3.กลุ่มผู้บริโภคและทำธุรกิจ และ 4.กลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มนี้ทุกกลุ่มล้วนมีความสำคัญที่จะสามารถยกระดับองค์กรและนักธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ในธุรกิจเครือข่าย

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ บริษัทมีการพัฒนาระบบพัฒนาศักยภาพสมาชิก ซึ่งนักธุรกิจ “เก็ทมอร์ บีอิ้ง” จะเป็นนักธุรกิจใหม่ที่เข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่าย แต่ที่นี่มีความโดดเด่นเรื่องการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะแคมเปญทริปท่องเที่ยว เรามีประสบการณ์อย่างมากในการทำเรื่องนี้ เราได้ฟีดแบคที่ดีทุกครั้งในการจัดทริป ใครที่ผ่านแคมเปญ เค้าจะได้ประสบการณ์ในการท่องเที่ยวแบบไม่รู้ลืมและ ช่วยยกระดับการตัดสินใจสำเร็จให้กับสมาชิกได้อีกด้วย ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้วางกลยุทธ์การท่องเที่ยว โดยให้คนที่ขึ้นตำแหน่งสตาร์ สามารถเข้าร่วมทริปสตาร์ฟอรั่ม ซึ่งเป็นการผสมผสานการท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม และมีช่วงเวลาได้ปลุกพลังตั้งเป้าหมายก่อนจบทริปอีกด้วย ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากสมาชิกที่เข้าร่วมทริปมากๆ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจัดไปแล้ว 2 ครั้ง และครั้งที่ 3 จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยในปีนี้มีการจัดทริปไปแล้วประมาณ 5 ทริป อย่างทริปต่างประเทศ เราเดินทางไป ดิสนีย์แลนด์พาร์ค ที่เซี่ยงไฮ้  ในปีหน้ ตารางท่องเที่ยวในประเทศไทยก็ออกแล้ว ต้นปีเรามีพรีเมี่ยมทริปที่พัทยา ล่องเรือยอร์ช  และจะมีทริปต่างประเทศ ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจ “เก็ทมอร์ บีอิ้ง” ในช่วงที่ผ่านมา สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วตอบโจทย์นักธุรกิจและผู้บริโภค “เก็ทมอร์ บีอิ้ง” ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ และงานวิจัยนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ ล่าสุด ไตรมาสแรกปีหน้า เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มสกินแคร์ ที่มีไฮไลท์คือการร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นโรงงานผลิตขนาดใหญ่ของประเทศ  นำเข้านวัตกรรมใหม่จากประเทศเกาหลี ซึ่งเราจะเป็นผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ซึ่งในประเทศเกาหลีเอง ก็มีเพียงไม่กี่โรงงานที่ใช้นวัตกรรมตัวนี้ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาสูตร คาดว่าจะออกมาทำตลาดได้ในช่วงต้นปีหน้า (ไตรมาสแรก) โดยในปีหน้าบริษัทจะมุ่งเน้นการทำการตลาดกลุ่ม ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ร่วมกับศาสตร์โหงวเฮ้ง ซึ่งเรามีอาจารย์มือหนึ่งระดับประเทศ ในเรื่องการนวดหน้าและการทำสปาหน้า มาเป็นมาสเตอร์เทรนเนอร์ให้กับสมาชิกผู้สนใจ

“จุดแข็งของเรา คือเรื่องของผลิตภัณฑ์ ใช้แล้วตอบโจทย์ ผู้บริโภคได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ก็คือผลิตภัณฑ์ META BALANCING CREAM เป็นครีมพลังงานกับการบำบัดขั้นสุด ใช้เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถเห็นผลถึงความเปลี่ยนแปลงหลังการใช้ได้ทันที ทำให้นักธุรกิจสามารถเปิดใจสมาชิกใหม่ได้ง่าย ปัจจุบันเรามีสินค้าในระบบมากกว่า 11 รายการ ครอบคลุมทั้งกลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ความสวยความงาม กลุ่มสกินแคร์  กลุ่มลดน้ำหนัก โดยสินค้าหลาย ๆ รายการ เรามีบุคลากรทางการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ช่วยคิดค้นพัฒนาสูตรให้ และยังเข้ามาให้ความรู้ความเข้าใจให้กับสมาชิก และนักธุรกิจ ถึงวิธีการดูแลสุขภาพ และการใช้สินค้า สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มียอดขายดีสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์ META BALANCING CREAM 2. ผลิตภัณฑ์ RITZY DRINK และ 3. ผลิตภัณฑ์ Nuberry”  

อย่างไรก็ตาม  การทำธุรกิจที่จะทำให้นักธุรกิจประสบความสำเร็จได้ง่าย บริษัทจึงได้ออกแบบระบบที่ง่ายต่อการทำงาน โดยใช้ชื่อระบบ Getmore Power System (GPS) ระบบพัฒนาศักยภาพนักธุรกิจ ทั้งทักษะการสร้างรายได้ผ่านการตลาดออนไลน์ และทักษะการสร้างธุรกิจเครือข่ายแบบมืออาชีพ ซึ่งเราจะแบ่งเป็น  2 คอร์สกับ 1 แคมป์ โดยมีคอร์สเริ่มต้นธุรกิจสำหรับคนใหม่ ที่เริ่มเข้ามาสู่ธุรกิจ ได้เรียนรู้วิธีการ ชื่อว่าคอร์ส Start Up  และอีก 1 คอร์สที่ช่วยยกระดับวิธีคิด (mindset) ให้ The Professional  และมีอีก 1 แคมป์ เป็นแคมป์ที่ยกระดับการตัดสินใจของนักธุรกิจใหม่ที่เข้าสู่ธุรกิจ เพราะฉะนั้นเมื่อนักธุรกิจทุกคนได้เข้าระบบที่บริษัทวางกลยุทธ์ไว้ให้ ทุกคนก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

Loading