อย. สุ่มตรวจคุณภาพเกลือบริโภคเสริมไอโอดีน หวังให้คนไทยได้รับไอโอดีนที่เพียงพอและเหมาะสม ช่วยลดปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนของประเทศไทย พร้อมแนะผู้บริโภคเลือกซื้อเกลือเสริมไอโอดีน ให้ดูฉลากและมีเลข อย.
เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อขจัดโรคขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย โดยเฝ้าระวังเกลือและผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่เสริมไอโอดีนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันพบเกลือบริโภคมากกว่าร้อยละ 90 มีคุณภาพมาตรฐานและปริมาณไอโอดีนสอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งผ่านคุณภาพมาตรฐานมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดย อย. ร่วมกับภาครัฐ อาทิ กรมอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ติดตามเฝ้าระวังปริมาณไอโอดีนในเกลือบริโภคที่เสริมไอโอดีนทั้งสถานที่ผลิต สถานที่จำหน่าย และในครัวเรือน และร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ ชมรมผู้ประกอบการเกลือเสริมไอโอดีนทั้งสามภาค (ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ) ผู้ประกอบการอาหาร ในการควบคุมคุณภาพการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังได้รับความอนุเคราะห์จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการศึกษาวิจัยสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพการตรวจวิเคราะห์ปริมาณไอโอดีนของแต่ละห้องปฏิบัติการในประเทศไทยให้มีความแม่นยำ แม่นตรง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป้าหมายสำคัญคือ มุ่งหวังให้คนไทยได้รับไอโอดีนเพียงพอและเหมาะสม ทั้งนี้ ปริมาณไอโอดีนที่ต้องการต่อวัน สำหรับทารกและเด็กอายุไม่เกิน 5 ปี ประมาณ 90 ไมโครกรัม เด็กอายุ 6-12 ปี ประมาณ 120 ไมโครกรัม ผู้ใหญ่ทั่วไป ประมาณ 150 ไมโครกรัม และหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ประมาณ 200 ไมโครกรัมต่อวัน
“ขอให้ผู้บริโภคเลือกซื้อและใช้เกลือเสริมไอโอดีน หรือผลิตภัณฑ์ปรุงรสเสริมไอโอดีน โดยดูได้จากฉลากผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “เสริมไอโอดีน” ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า เลข อย. ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการตรวจสอบทั้งสถานที่ผลิตและผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณภาพมาตรฐานเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด”