จังหวัดสมุทรคราม ดินแดนสามน้ำ เป็นอีกจังหวัดเล็กๆในภาคกลาง มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยแม่น้ำแม่กลอง คลองสาขาน้อยใหญ่มากมาย
จึงเหมาะกับการเป็นพื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications หรือ GI)ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวที่สำคัญของประเทศ
และนำมาซึ่งเส้นทางการท่องเที่ยว สนุกสนานไปกับกิจกรรมท่องเที่ยวบนเส้นมะพร้าวที่สมุทรสงครามในสไตล์ Samutsongkhram Local experience
เที่ยวชุมชนเรียนรู้และสนุกกับสวนเกษตรพอเพียงที่ชุมชนบ้านบางพลับ
ชุมชนบ้านบางพลับอำเภอบางคนฑี จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นศูนย์การเรียนรู้และเป็นชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร มีฐานการเรียนรู้ถึง 20 ฐานเช่น ฐานสวนส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ ตั้งแต่การดูแลรักษาส้มโอขาวใหญ่ปลอดสารพิษไปจนถึงการขยายพันธุ์ส้มโอ เพื่อจำหน่ายขายกล้าพันธุ์ , ฐานสวนมะพร้าวสูตรน้ำตาลปึก ชมการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวจากเตาโบราณ ซึ่งความหวานได้มาจากดอกมะพร้าว , ฐานการทำปุ๋ยหมักชีวภาพที่มีส่วนผสมของมูลสัตว์ แกลบดำ ลำละเอียด กระดูกป่น และน้ำจุรินทรีย์ โดยใช้เครื่องปั่นผสมรวมกัน ผ่านการหมักอีก 7 วันถึงจะนำไปใช้งานได้ ราคากระสอบละ 20 กก. ราคา 120 บาท
นอกจากนี้ยังมี ฐานสารสกัดสมุนไพรไล่แมลง,ฐานขนมไทยโบราณ,ฐานการทำไข่เค็มดินจอมปลวก,ฐานการทำว่าวจุฬา,ฐานการทำซออู้ เป็นต้น รวมถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากน้ำหวานดอกส้มโอ นำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น แชมพู เซรั่มบำรุงผิว สบู่ ครีม น้ำหอม และยังเปิดให้เข้ามาเรียนรู้ได้เป็นหมู่คณะ คิดค่าบริการฐานละ 600 บาท ต่อกลุ่ม
เส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวชุมชน สองล้อตะลุยสวนบ้านบางพลับ เริ่มต้นที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านบางพลับ ผ่านฐานโรงเรียนและวัดแก่นจันทร์เจริญ, ฐานบ้านอนุรักษ์ว่าวไทย, ฐานสวนส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่, ฐานน้ำส้มควันไม้และถ่านผลไม้และฐานผลไม้กลับชาติ คือ ฐานการทำผลไม้แช่อิ่มเช่น บอระเพ็ด พริก มะนาว มะละกอ
ซึ่งที่ศูนย์การเรียนรู้ได้ทำแผนฝังเส้นทางบ่งบอก บริเวณด้านหน้าศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านบางพลับไว้อย่างสวยงามปั่นรอบชุมชน บนระยะทาง 3.2 กมสามารถปั่นจักรยานได้ตั้งแต่ เวลา 08.00-17.00 น.ค่าบริการคันละ 30 บาท เรียกได้ว่า ปั่นท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีบริการห้องพัก ภายใต้ชื่อ บ้านสวนแสงตะวันโฮมสเตย์แอนด์รีสอร์ท สนนราคาค่าที่พักราว 600-700 บาทต่อ 2 ท่าน มีจำนวน 7 หลัง และยังมีห้องพักรวม ห้องละ 5-6 ท่าน ไว้ให้บริการหมู่คณะอีกจำนวน 2 หลัง
ศูนย์การเรียนรู้บ้านบางพลับอำเภอบางคนฑีสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 081-274-4433
สร้างสรรค์จิตนาการสีมัดย้อม พร้อมสนุกสนานเรียนรู้ทำน้ำมันมะพร้าว ที่วิสาหกิจชุมชนเกษตรสวนนอก
วิสาหกิจชุมชนเกษตรสวนนอกอยู่ที่อำเภอบางคนฑี จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นชุมชนที่ปลูกพืชเกษตรธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมี ทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และเป็นฐานการเรียนรู้ รวมถึงทำผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อม จากเปลือกมะพร้าว ใบลิ้นจี่และใบมะม่วง ที่ให้สีเป็นธรรมชาติ เป็นการมัดย้อมเสื้อสำเร็จรูปและจำหน่ายที่โครงการชัยพัฒนานุรักษ์ อัมพวา ภายใต้แบรนด์ We Vergin และแบรนด์ Buppha
จังหวัดสมุทรสงคราม มีการทำสวนมะพร้าวจำนวนมาก แค่ได้มาสัมผัสกับวิสาหกิจเกษตรสวนนอก สิ่งที่แรกที่เห็นคือ ภาพทิวมะพร้าวเรียงรายสวยงามราวจนอดที่จะถ่ายภาพไม่ได้
ที่สำคัญ มะพร้าว สามารถแยกประโยชน์ได้เป็นหลายๆส่วนเช่น เนื้อมะพร้าว กากมะพร้าว ใบมะพร้าว กะลา หรือ น้ำมะพร้าว ซึ่งนำไปทำน้ำอีเอ็ม ช่วยกระจัดกลิ่นในห้องน้ำ หรือ กากมะพร้าว สามารถนำไปทำสครับขัดผิว ใช้แทนเม็ดบีท ในตัวสครับ ส่วนกะลามะพร้าวก็สามารถนำไปเผ่าเป็นถ่านชาโควได้อีก รวมไปถึง ส่วนของ เปลือกมะพร้าว
เปลือกมะพร้าวทำให้เกิดเป็นการเรียนรู้ที่ ฐานการทำผ้ามัดย้อมจากเปลือกมะพร้าวโดยมีขั้นตอนวิธีการทำสีจากเปลือกมะพร้าว เริ่มต้นที่นำเปลือกมาสับให้ละเอียด จากนั้นนำไปต้มน้ำ โดยใส่เกลือลงในน้ำต้มด้วย โดยใช้เวลาต้ม 2-3 วันกรองด้วยผ้าขาวบางจนได้น้ำใส จากนั้นเตรียมผ้าขาวที่ซักสะอาดแล้ว นำไปมัดลาย และนำใส่น้ำสี แช่อย่างน้อย 40 นาทีจากนั้นซักและตากแดด ขณะที่ลวดลายก็ต้องใช้จินตนาการและประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผ้ามัดยอม ให้ออกมามีสีสันและลวดลายที่สวยงาม ที่สำคัญมีเอกลักษณ์และลวดลายที่ไม่ซ้ำใคร
ขณะที่ ฐานการทำน้ำมันมะพร้าว แบบชาวบ้านๆ ที่มีหลักการวิธีการทำง่ายๆดังนี้ คือ นำเนื้อมะพร้าวไปขูดและคั้น ให้ได้น้ำกะทิ จากนั้นนำเข้าตู้เย็นไว้ 3 คืน จนเกิดการแยกระหว่างน้ำกับหัวกะทิ ซึ่งตัวหัวกะทิ เป็นไขเกาะกันเป็นก้อน ส่วนหางกะทิก็ยังคงเป็นน้ำอยู่ เอาแค่ส่วนที่เป็นไข นำมาวางในอุณหภูมิห้องปกติประมาณ 5-7 ชั่วโมง หัวกะทิก็จะละลายลอยขึ้นเป็นน้ำมันอยู่ด้านบน ก็จะได้น้ำมันมะพร้าว มาใช้ตามภูมิปัญญาของชาวบ้าน
วิสาหกิจชุมชนเกษตรสวนนอก อำเภอบางคนฑีสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 081-823-4229
ผ่อนคลายในสวน จิบกาแฟดริบจากน้ำหวานดอกมะพร้าว เพลิดเพลินกับกิจกรรมจักสานใบมะพร้าว ทำขนมต้มไทยที่วิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์
วิสาหกิจชุมชน บ้านริมคลอง โฮมสเตย์คือ อีกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวสายชิลล์แบบครอบครัว หรือจะมากันแบบเพื่อนฝูงคนสนิท กระทั่งลุยเดี่ยวแบกเป้มา ก็สามารถมาเที่ยวมาผ่อนคลายกับบรรยากาศริมน้ำ หรือจะทำกิจกรรม รวมถึงการพักค้างแรม ได้พักผ่อนกับธรรมชาติอย่างแท้จริง รับรองว่าไม่เหมือนใคร ที่บ้านริมคลองโฮมสเตย์ เมืองแห่งสายน้ำสามเวลา จังหวัดสมุทรสงคราม
และถ้าเดินทางมาร้อนๆเหนื่อยๆ แนะนำให้ ก็เรียกความสดชื่นด้วยกาแฟดริบน้ำหวานดอกมะพร้าว เป็นเครื่องดื่มแก้วโปรด ที่รีสอร์ทแห่งนี้ เพราะเป็นกาแฟดริบ ที่มีส่วนผสมของน้ำหวานจากดอกมะพร้าว ย้ำว่าเป็นน้ำหวานสดๆจากต้น จึงได้ความหวาน ความหอม ชื่นใจมากๆ และถ้าได้กินกับขนมต้มโบราณ รับประกันความอร่อย
วิสาหกิจชุมชน บ้านริมคลอง โฮมสเตย์มีฐานการเรียนรู้ทำขนมต้มไทยที่น่าสนใจและมีวิธีการทำแบบง่ายๆ แค่ขูดมะพร้าว เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวให้ได้ที่ ปั้นเป็นลูกกลมๆ เตรียมไว้ก่อน จากนั้น นวดแป้งข้าวเหนียว ผสมน้ำสมุนไพร อัญชัน และใบเตย นวดจนได้ที่นำไปห่อกับไส้หวาน นำลงต้มจนลอย บ่งบอกว่าสุกได้ที่แล้ว จากนั้นนำไปลงคลุกกับมะพร้าวขูด เสิร์ฟในกระทงใบตองสุดเท่ อร่อยฟินกับเนื้อแป้งนุ่มกับไส้มะพร้าวกวนน้ำตาล หวานหอมชัวร์
ขณะที่กิจกรรมดีๆ ที่ต้องทำเมื่อได้มาจังหวัดสมุทรสงคราม นั่นก็คือ การใส่บาตรทางน้ำ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาด โดยมี ชุดปิ่นโตแบบโบราณ พร้อมอาหารคาวหวานธูปเทียนและดอกไม้ ทั้งนี้อาหารที่ใช้ใส่บาตรโดยทั่วไป ก็จะเป็นเมนูอาหารพื้นถิ่น เช่น ต้มยำปลาทูชื่อดังเมืองแม่กลองไข่เจียว ข้าวสวยร้อนและผลไม้ตามฤดูกาล เรียกได้ว่า เป็นเมนูเรียบง่ายแบบไทยๆ แต่ประทับใจไปอีกนาน อิ่มใจ อิ่มบุญ
รวมไปถึงฐานเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆ เช่นฐานจักสานใบมะพร้าวเสกใบมะพร้าวธรรมดาๆ ให้เป็น ปู ปลา นก ให้ลูกหลานได้เล่นกันเพลินๆ หรือจะสานเป็นกระเช้าให้ได้บรรจุของที่ระลึกของดีเมืองสายน้ำสามเวลากลับบ้านไปฝากเพื่อนรักคนสนิท ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาทีก็เสร็จ ด้วยความชำนาญ ส่วนถ้าใครที่สนใจ ก็สามารถสอบถามติดต่อเข้ามาอบรมเรียนรู้ในฐานจักสานใบมะพร้าวได้ที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ไว้ล่วงหน้าก่อน
ยังไม่หมด เดินเล่นเลยเถิดไปด้านในสวน มีพิพิธภัณฑ์มะพร้าว และฐานการเรียนรู้ทำอาหารแบบครัวโบราณ ซึ่งบริเวณนั้น เกษตรกรกำลังปาดดอกมะพร้าว เพื่อเก็บน้ำหวานจากดอกมะพร้าว เตรียมรับคณะที่จะเดินทางมาถึงในตอนสายวันนี้ เราเลยได้มีโอกาสเข้าไปดูใกล้ๆ และบันทึกภาพเก็บประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่งกับการปาดน้ำหวานจากดอกมะพร้าวที่ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ
วิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์อำเภอเมืองสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 089-170-2904
ชมเตาตาลโบราณ เรียนรู้การทำน้ำตาลมะพร้าว ที่โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์
โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงครามเปิดให้บริการเที่ยวชมและศึกษาดูงานได้ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด ส่วนใครที่ต้องการชมการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวให้มาเวลา 09.00-14.00 น. ซึ่งภายในประกอบกิจกรรม 5 ส่วน และหนึ่งในนั้นก็คือ การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวแบบดั้งเดิม โดยกิจกรรมส่วนนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้าน และอาชีพของคนอัมพวา ให้คงอยู่ต่อไป
อัมพวา ถือว่าเป็นแหล่งที่มี “เตาตาล” เก่าแก่หลายแห่งและทำกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ทว่า ขั้นตอนการทำมีความเสี่ยงกับอันตรายต่างๆ ชาวบ้านจึงไม่ส่งเสริมให้ลูกหลานทำ จนกระทั่งเตาตาลกำลังจะสูญหายไป ดังนั้น โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ จึงเข้ามาช่วยในการอนุรักษ์ และเป็นอีกที่หนึ่งยังคงเปิดให้เข้ามาเรียนรู้ดูงานการทำน้ำตาลมะพร้าว ที่ได้ความหวานจากช่อดอกมะพร้าวร้อยเปอร์เซ็นต์
ขั้นตอนการผลิตน้ำตาลมะพร้าวทุกเช้าเกษตรกรจะนำกระบอกรองน้ำตาลพร้อมกับมีดปาดงวงปีนขึ้นไปบนยอดของต้นมะพร้าว เพื่อนำกระบอกใส่น้ำตาลภายในบรรจุไม้เคี่ยมหรือไม้พะยอมซึ่งใส่ในปริมาณพอควรเพื่อป้องกันการบูดเน่าของน้ำตาลสดปาดวันละ 2 รอบเช้าและเย็น โดยปาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร หนึ่งงวงจะปาดได้ประมาณ 80-100 ครั้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของงวงมะพร้าว
น้ำตาลสดที่รองได้จะถูกนำมาเคี่ยวที่เตาตาลจนเดือด เพื่อระเหยน้ำออก ในกระทะใบบัวไม่มีหูจับ และเป็นเตาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เตาก่อด้วยอิฐ ส่วนด้านนอกตัวเตาจะไม่ร้อนและประหยัดพลังงานจากการใส่ฝืนด้านหน้าด้านเดียว สามารถเคี่ยวได้ถึง 3 กระทะ ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ความร้อนจะไหลขึ้นหาที่สูง ใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 1-2 ชั่วโมง จนน้ำตาลเริ่มงวดและผุดเป็นดอกหมากและไหลไปรวมที่กลางกระทะ ก็ได้ที่ดีแล้ว จึงลดไฟลง เมื่อเหลือน้ำตาลประมาณ 1 ใน 5 ของปริมาณน้ำตาลที่เทลงไปในตอนแรกจึงยกกระทะลงจากเตา นำพายหรือขดลวดมาตีกระทุ้งเพื่อให้น้ำตาลแห้งและแข็งตัวเร็วขึ้น กระทุ้งจนได้น้ำตาลสีเหลืองนวลน่ากินจากนั้นก็ตักหยอดในกระทงใบตองได้ ที่ใส่กระทงใบตอง เพราะอยากให้ชาวบ้านคุณย่า คุณยายมีรายได้
อย่างไรก็ตามน้ำหวานดอกมะพร้าว นั้นก็ยังสามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ จากเริ่มแรก ถ้าต้มน้ำตาลมะพร้าว 20 นาทีจะได้น้ำตาลสด พร้อมดื่ม และหลังจากเคี่ยวไปแล้ว ถ้าไม่เติมอากาศ จะได้เป็น น้ำตาลมะพร้าวไซลัป บรรจุลงขวดแก้ว หลังกระทุ้งเติมอากาศไป ตักหยอดลงกระทง ก็จะเป็น น้ำตาลมะพร้าว หลังจากนั้น ถ้านำไปอบดึงความชื้น จะได้น้ำตาลมะพร้าวแบบเป็นเกล็ด เป็นเกล็ดเล็กๆสามารถนำไปผสมเครื่องดื่มหรือกาแฟนอกจากนี้ น้ำหวานจากดอกมะพร้าว ยังสามารถนำไปหมักเป็น น้ำส้มสายชูมะพร้าว จะมีลักษณะคล้ายน้ำส้มไซเดอร์ที่เป็นโพไบรโอติก ที่สามารถช่วยในการปรับสมดุลยเรื่องการขับถ่าย ระบบการย่อย
นอกจากฐานการเรียนรู้กิจกรรมในสวน ฐานเตาตาล,ฐานการทำน้ำส้มสายชู, ฐานการเลี้ยงไส้เดือน, ฐานการเลี้ยงไก่, ฐานการจักสาน, ฐานการทำเบญจรงค์, ฐานการทำขนมไทย, หรือกิจกรรมทำน้ำม่วงชื่นชานชาลา แล้วยังมีฐานที่กลุ่มแม่บ้าน นิยมเรียนรู้ที่ฐานการทำน้ำยาอเนกประสงค์ เพื่อใช้ในครัวเรือน ช่วยประหยัดรายจ่าย ซึ่งฐานการทำน้ำยาอเนกประสงค์ มีหลายสูตรเช่น สูตรน้ำยาล้างจาน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ, สูตรสบู่เหลวสมุนไพร และสูตรชีวภาพ ที่สามารถนำไปล้างจาน ซักผ้า ช่วยขจัดคราบไขมัน แถมยังช่วยถนอมมือ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อโลก
ฐานน้ำยาอเนกประสงค์สูตรสบู่เหลว มีส่วนผสมสบู่ AD25,น้ำสมุนไพร, น้ำสะอาด, น้ำผึ้ง, เกลือ, สารกันเสีย และน้ำหอม วิธีทำต้มน้ำให้เดือด กรองกากออกใส่น้ำผึ้ง กวนให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น นำหัวสบู่ AD25 กวนให้เข้ากัน เติมน้ำสะอาดและน้ำสมุนไพรทีละน้อย กวนให้เข้ากันจนข้นและเติมสารกันเสีย กวนให้เข้ากัน และพักทิ้งไว้ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ฟองยุบตัว เติมน้ำหอม กวนให้เข้ากันนำไปบรรจุลงภาชนะ
โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ อำเภออัมพวา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 034-752245
ท่องเที่ยวสวนเกษตรชื่อดัง ชิมมะม่วงหาวมะนาวโห่มากสรรพคุณ ที่สวนมะนาวโห่ลุงศิริ
สวนมะนาวโห่ลุงศิริ เป็นสวนมะม่วงหาวมะนาวโห่ปลูกแบบครบวงจรแห่งแรกในไทย ปลูกต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่แบบเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารพิษ และจำหน่ายต้นพันธุ์ ขายผลสดและยังมีคาเฟ่ธีมมะนาวโห่ที่แน่นอนว่าถือว่าก็เป็นแห่งแรกในไทยเช่นกันชื่อร้าน สิริสมปอง ฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศสุดชิลล์ร้านเปิดบริการ ทุกวันเวลา 9.00-17:00 น.เว้นวันพฤหัส
กิจกรรมเด่นที่ไม่ควรพลาด อยากให้มาลอง มาสัมผัสความสุข เก็บเกี่ยวความสนุกได้ในสวนคือ กิจกรรมในสวนเดินชมสวนตัดมะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นกิจกรรมสามารถเก็บผลไม้ในสวนได้ในช่วงฤดูกาล เดือนเมษายนถึงสิงหาคมโดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเก็บผลไม้ด้วยตนเอง สามารถรับ กรรไกร และตะกร้า ได้ที่หน้าสวน และทำการชั่งน้ำหนักผลไม้ ที่จุดขาออก ราคากิจกรรม เก็บผลไม้ที่ขีดละ 20 บาท
ขณะที่ กิจกรรมทำผ้ามัดย้อมจากสีมะม่วงหาวมะนาวโห่เรียกว่าเป็นสีจากธรรมชาติมีขั้นตอนการทำสีย้อมผ้าง่าย โดยใช้ผลสุกมะนาวโห่ปั่นให้ละเอียด จากนั้นห่อด้วยผ้าขาว 1 ชั้น นำมาต้ม เติมน้ำพอท่วม เติมเกลือเล็กน้อย เพื่อปรับกรดด่างเมื่อน้ำเดือดสามารถทำการย้อมผ้าได้ทันที ย้อมผ้าโดยการจุ่มผ้าที่มัดแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จะได้ลวดลายที่ไม่ซ้ำใคร กับผลงานอันประทับใจด้วยสองมือของเราเอง
สวนมะนาวโห่ลุงศิริ และสิริสมปอง ฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่อัมพวา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร080-566-5412 Line :@sirisompone, Facebook : manowho
*** พิเศษ ขอเชิญร่วมสนุกกับ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม สำหรับ 50 ท่านแรก ที่โพสต์รูปที่ท่านเคยไปทำกิจกรรมกับชุมชนท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสงครามทางfacebookของท่านเอง พร้อมติดแฮชแท็ก#samutsongkhramlocalexperienceตั้งเป็นสาธารณะ แคปหน้าจอที่ท่านโพสต์ ส่งมาที่ E-mail : khemxxx@gmail.com แจ้งชื่อที่อยู่ของท่านในE-mail ทาง ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม จะจัดส่งของที่ระลึก เป็นกระเป๋าผ้าสุดน่ารักให้กับท่านแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น หมดเขตการร่วมสนุก 31 กรกฎาคม 2565 หรือ เมื่อครบจำนวน 50 ท่านแล้ว