บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) ได้รวมพลังบุคลากรทุกส่วนธุรกิจสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ เพื่อที่จะยกระดับมาตรฐานการให้บริการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการลูกค้าและคู่ค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งภายหลังการควบรวมกิจการอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 2563 บริษัทมีการดำเนินงานที่คืบหน้าไปมากในหลายส่วนธุกิจ สำหรับ บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงเพื่อสร้างฐานธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยขยายโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของบริษัท ทั้งช่องทางตัวแทนและนายหน้าทั่วประเทศผนวกกับเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจคู่ค้าญี่ปุ่น โดยผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 18,434 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3.2% มีกำไรจากการรับประกันภัย 2,569 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างการเติบโตให้กับช่องทางธุรกิจภายในประเทศ ในขณะที่ธุรกิจประกันภัยทางทะเลและขนส่งได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับช่องทางธุรกิจคู่ค้าญี่ปุ่น (J-Business)
นายสุธีชัย สันติวราคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “ถึงแม้ว่าบริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายหลายระลอกของโรคโควิด-19 แต่ บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) ก็ยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานในปี 2564 ได้เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกว่าปี 2563 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 18,434 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3.2% มีกำไรจากการรับประกันภัย 2,569 ล้านบาท โดยธุรกิจประกันภัยรถยนต์ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 12,256 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4% ตามมาด้วยธุรกิจประกันอัคคีภัย ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,606 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2% ประกันภัยเบ็ดเตล็ดมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,382 ล้านบาท และ สุดท้ายประกันภัยทางทะเลและขนส่ง มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1,189 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% โดยการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทนั้นมาจากความแข็งแกร่งของช่องทางตัวแทนและนายหน้าทั่วประเทศผนึกกับศูนย์บริการสาขาและสินไหมที่มีมากกว่า 90 แห่งทั่วประเทศ พร้อมให้บริการและช่วยเหลือลูกค้าทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ ด้วยเครือข่ายของกลุ่มบริษัทโตเกียวมารีนทั่วโลกได้เสริมความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งของพันธมิตรธุรกิจคู่ค้าญี่ปุ่นที่มีมาอย่างยาวนานและได้รับความไว้วางใจด้วยดีเสมอมา ช่วยเสริมส่วนธุรกิจต่างๆของคุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัยให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายสุธีชัย กล่าวเสริมว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ ‘ร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน’ เราเชื่อในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคงในระยะยาว ซึ่งภายหลังจากการควบรวมกิจการในปี 2563 บุคลากรของบริษัทต่างผสานพลังเป็นทีมเดียวกันในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ เพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ตอบสนองต่อความพึงพอใจของลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ อันเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เมื่อปลายปีที่แล้ว บริษัทได้จัดทำผลการสำรวจความคิดเห็นของตัวแทนและนายหน้าทั่วประเทศ เพื่อที่จะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการที่ดีมากยิ่งขึ้น ทุกเสียงสะท้อนและความคิดเห็นทั้งหมดนี้ จะเป็นแนวทางให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด”
บริษัทได้วางแผนพัฒนาการให้บริการ ผ่านช่องทางดิจิทัลที่หลากหลายเพื่ออํานวยความสะดวกในการดําเนินงานและปรับปรุงด้านบริการที่ดีขึ้นมากขึ้น ดังนี้ 1.พัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ตัวแทนและนายหน้า เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์และทำใบเสนอราคาได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านช่องทาง Line OA 2.ขยายฟังก์ชั่นการทำงานของระบบ Safe Smart เพื่อให้ตัวแทนและนายหน้าสามารถออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทได้เอง และ 3.เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสภาพรถยนต์ โดยพิจารณาการนำ Online Application เข้ามาใช้งาน
บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) ดำเนินกลยุทธ์ผ่านช่องทางการขายหลัก ประกอบไปด้วย 1.ช่องทางสาขาที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ 2.ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากเครือข่ายบริษัท คู่ค้าญี่ปุ่น 3.ช่องทางการขายผ่านตัวแทนและนายหน้า 4.การเป็นพันธมิตรร่วมกับดีลเลอร์ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 5.ช่องทางอื่นๆ ที่มีส่วนในการขยายฐานธุรกิจ อาทิ ช่องทางจากบริษัทไปคู่ค้าและไปถึงลูกค้า (B2B2C)