ส่องเทรนด์โลกปี 2022 ‘แตกต่าง’ เหนือคู่แข่ง !!

ส่องเทรนด์ตลาดโลก! เปิดผลวิจัย 2022 Global Marketing Trends” พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เน้นมองหาแบรนด์ ใส่ใจสังคมมีการเชื่อมโยงเป็น คอมมิวนิตี้ด้านนักการตลาดชี้ใครอยากแตกต่างเหนือคู่แข่ง อย่ามองข้าม! พลังของ DATA ขับเคลื่อนกลยุทธ์ข้อมูลลูกค้ายิ่งแน่นยอดยิ่งปัง เปิด 10 เทรนด์คอนเท้นต์ที่จะมาถึงในปีหน้า ผู้ประกอบการขายตรงและ นักธุรกิจเครือข่ายต้องรู้ถึงรอด!!

อีกเพียงไม่กี่วันก็จะหมดปี 2021 เป็นอีกหนึ่งปีที่หลายธุรกิจผ่านพ้นมาได้อย่างสะบักสะบอม แต่หลายธุรกิจกลับมีการเกิดใหม่และเติบโตได้แบบก้าวกระโดด เพราะมีการวางแผนอย่างรัดกุม และวางกลยุทธ์จากข้อมูลเทรนด์การตลาดในระดับโลก อุตสาหกรรมขายตรง ก็เช่นกัน แบรนด์ไหนที่ก้าวผ่านวิกฤติในช่วง 2 ปีนี้มาได้ ต้องถือว่าสอบผ่านบททดสอบที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบทศวรรษ หนังสือพิมพ์ เดอะ พาวเวอร์เน็ตเวิร์คฉบับนี้จึงทำการประมวล เทรนด์การตลาดโลก ที่กำลังจะมาถึงในปี 2022 เพื่อให้ผู้ประกอบการและนักธุรกิจในแวดวงขายตรง ได้เตรียมพร้อมรับมือและวางแผนติดอาวุธทางการตลาดในปีหน้าได้แบบทันท่วงที

เน้น “สร้างแบรนด์-คอมมิวนิตี้” ก่อนโฟกัส

หลังผ่านพ้นวิกฤติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภค ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วกว่าในอดีต นักการตลาดจึงได้มีการทำวิจัยเรื่อง 2022 Global Marketing Trends” ออกมา ที่สามารถช่วยให้ผู้นำแต่ละธุรกิจปรับกลยุทธ์ได้ทันจากสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยรายงานนี้อิงจากการสำรวจผู้บริโภค 11,500 คน และผู้บริหารระดับโลกมากกว่า 1,000 คน อาทิ CMOs, CEOs, CIOs และ CFOs โดยบทความจาก เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัลได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยบางส่วนออกมาว่า การเติบโต ของหลายแบรนด์มุ่งไปทิศทางเดียวกันถึงการคิดกลยุทธ์ใหม่นับจากนี้ นอกจากจะต้องพิจารณาเรื่องราคาและคุณภาพเป็นปัจจัยหลักแล้ว สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือการโฟกัสไปที่ พฤติกรรมของผู้บริโภคในการพิจารณาซื้อสินค้า

โดยพบว่าปัจจุบันผู้บริโภคมากกว่า 57% หันไปให้ความสนใจแบรนด์ที่ ใส่ใจสังคม มากขึ้น ให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ความไม่เท่าเทียมทางสังคม การช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงเข้าใจถึงภูมิหลังของความหลากหลายทางเชื้อชาติ และรสนิยมทางเพศ มีการสร้าง คอมมิวนิตี้ ให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ในการใช้ชีวิต กับบุคคลที่ชื่นชอบ หรือเรื่องที่กำลังสนใจอยู่เป็นพิเศษ

จากผลสำรวจยังพบว่า ผู้บริโภควัยหนุ่มสาว (อายุ 18-25 ปี) ให้ความสำคัญกับการโฆษณา ที่ตนได้มีส่วนร่วมมากขึ้นเมื่อตัดสินใจซื้อ โดยคาดหวังให้บริษัทมีจุดยืนในประเด็นทางสังคมที่สำคัญ และ 90% กล่าวว่า เต็มใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ส่วนใหญ่ จึงหันมาเน้นกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน

“ขาย” แล้วต้อง “เก็บ” ข้อมูลลูกค้ายิ่งแน่นยิ่งปัง!

การระบาดของครั้งใหญ่ของ Covid-19”นอกจากจะทำให้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปแล้ว ยังทำให้นักการตลาดทุกองค์กรต้องฉีกตำราการตลาดยุคเก่าทิ้ง เพราะโลกใหม่ต่อจากนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การนำข้อมูลแบบเรียลไทม์ มาใช้ออกแบบการตลาด กลายเป็นเรื่องสำคัญกว่าการใช้หลักการแบบดั้งเดิมทันที

หลายองค์กรจึงเริ่มนำผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ได้แก่ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักยุทธศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ และครีเอทีฟโฆษณามาระดมสมองร่วมกันออกแบบกลยุทธ์ เพื่อพัฒนาความคิดริเริ่มทางการตลาด ให้ขับเคลื่อนไปพร้อมกับข้อมูล ที่แม่นยำของลูกค้า เพราะเชื่อว่าการทำงานร่วมกันของหลายฝ่ายในทุกมิติ จะเป็นกุญแจสำคัญ ในการสร้างเครื่องมือการตลาดที่สร้างสรรค์มีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่งได้

บทความของเว็บไซต์ เดอะ ดรัม กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญของปี 2022 ที่ทุกองค์กรต้องใช้และอย่ามองข้าม คือ การออกแบบกลยุทธ์จากข้อมูล โดยเฉพาะการใช้ ข้อมูลเชิงลึกลูกค้าขององค์กรตนเอง (First Party Data) ซึ่งได้จากการเก็บพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ ข้อมูลแบบนี้มีความแม่นยำสูงมาก และวิเคราะห์เจาะลึกได้ในระดับรายบุคคล ที่สำคัญคือสามารถนำไปใช้งานได้อย่างอิสระ เพราะองค์กรมีสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของเองมีประสิทธิภาพสูงกว่า การไปซื้อ ข้อมูลขององค์กรอื่น (Second Party Data) มาใช้ที่อาจอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ใกล้เคียงกันจริง แต่กลุ่มลูกค้ามีพฤติกรรมคนละแบบ นอกจากนี้ยังแม่นยำว่า ข้อมูลที่รวบรวมมาจากแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ (Third Party Data) ที่ล้วนมีข้อมูลกว้างมากจนเกินไป ไม่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับแบรนด์ จนการตลาดออกกลยุทธ์ได้ไม่ตรงใจลูกค้าตัวจริง

ทั้งนี้ 90% ของนักการตลาดกล่าวว่า กลยุทธ์จาก ข้อมูลเชิงลึกลูกค้าขององค์กรตนเอง มีส่วนช่วยในการทำกำไรของธุรกิจอย่างมาก และ 61% ของผู้คนคาดหวังว่า แบรนด์ที่ตนใช้บริการ จะปรับแต่งประสบการณ์ตามความชอบของพวกเขาได้ เมื่อมองกลับมาที่ ธุรกิจขายตรง ถือได้ว่ามีความได้เปรียบสูง เนื่องจากการซื้อสินค้าต้องผ่านระบบสมาชิก จึงช่วยให้เก็บข้อมูลเบื้องต้นได้ง่ายอยู่แล้ว หากมีการวางระบบการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมอื่นที่ดีพอ จะยิ่งช่วยสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ยังมีอีก 4 ปัจจัยสำคัญ ที่ บริษัทขายตรง และนักธุรกิจเครือข่ายควรทำการบ้านเพิ่มเติมและนำไปใช้ ได้แก่

1. การเปลี่ยนแปลงไปสู่องค์กรดิจิทัล ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจประสบปัญหาในเรื่องของทรัพยากรและการลงทุนได้

2. ใช้กลยุทธ์ Gamification Marketing มาขับเคลื่อนการตลาดและเก็บข้อมูล โดยสร้างกิจกรรมให้เหมือนกับการเล่นเกม มีการแข่งขัน มีระบบการให้คะแนน สร้างการเชื่อมต่อกับแบรนด์ กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อผลิตภัณฑ์และบริการซ้ำ ด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน ตัวอย่าง เช่น Shopee ที่ขณะนี้มีทั้ง Shopee Farm เกมส์ปลูกต้นไม้, Shopee Pet เกมส์เลี้ยงสัตว์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้ามาร่วมเล่นเกมส์แลกเหรียญรางวัลเพื่อนำไปช้อปปิ้ง

3. ใช้กลยุทธ์ Neuromarketing ทำความเข้าใจลูกค้าในระดับจิตใต้สำนึก หลายองค์กรนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เป็นรูปแบบสถิติ และนำมาวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความรู้สึกในเชิงบวกที่ลูกค้ามีต่อ แบรนด์ได้ ตัวอย่าง เช่น การวางสินค้าไว้ในระดับสายตา จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น การใช้เทคนิค FOMO หรือ Fear of missing out กระตุ้นด้วยวันการนับถอยหลังวันหมดอายุของโปรโมชั่น หรือคูปองพิเศษต่าง ๆ เป็นต้น

4. การสร้างพลังแห่งคอนเนกชั่นกับผู้คน ช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ผู้คนส่วนมากติดอยู่แต่ในบ้าน หรือต้องทำงานที่บ้านเป็นระยะเวลายาวนาน หลายคนได้มองเห็นสิ่งที่ตนเองเคยมองข้ามไปก่อนหน้านี้ นั่นคือ การพบปะสังสรรค์กับครอบครัว เพื่อนฝูง และสังคมรอบตัว เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ กับการทำกิจกรรมที่จะสร้างความเชื่อมโยงในสังคมได้ ตัวอย่าง เช่น การจัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าในโลกเสมือนจริง หรือการออกอีเว้นต์ลงไปตามพื้นที่ต่าง ๆ

เปิด “10 เทรนด์คอนเท้นต์” มาแรงปีหน้า

ในยุคที่ Content is King” การสร้างคอนเท้นต์ให้โดนใจลูกค้า กลายเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการตลาด เพราะคอนเท้นต์คือสิ่งที่ช่วยเชื่อมโยงกับลูกค้า ผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมาย และต้องยอมรับว่าจากพฤติกรรมของผู้บริโภคและโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนไป คอนเท้นต์ที่เวิร์กในปีนี้ ในเดือนหน้าหรือปีหน้าอาจจะไม่เวิร์กอีกต่อไป

คำถามคือ แล้วการสร้างคอนเท้นต์ที่โดนใจ ผู้บริโภค จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ทำการรวบรวมข้อมูลและสรุปทิศทางไว้ 10 ข้อ ดังต่อไปนี้ 1.ต้องเป็นคอนเท้นต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพและน่าเชื่อถือมากขึ้น 2.เป็นคอนเท้นต์ใหม่ ๆ ที่สามารถโฟกัสและเข้าใจในเจตนาของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง 3.ต้องเป็นคอนเท้นต์ที่ชาญฉลาด อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและเอกสารอ้างอิง 4.ต้องคำนึงถึงการสร้างคอนเท้นต์ ที่เน้นเรื่อง SEO ให้สอดคล้องกับการค้นหาใน Google ด้วย 5.การสร้างคอนเท้นต์ให้ง่ายต่อการค้นหาด้วยเสียง ที่ตอนนี้กำลังกลายเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

6.สร้างคอนเท้นต์ให้น่าจดจำและเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) VR (Virtual reality) 7.คอนเท้นต์ที่สร้างต้องมีขนาดไม่ยาวเกินไป เพราะจากการศึกษาพบว่าค่าเฉลี่ยในการอ่านคอนเท้นต์อยู่ที่ 8 วินาที เท่านั้น 8.คอนเท้นต์ต้องมีความสมดุลทั้งศาสตร์และศิลป์ในการเล่าเรื่อง 9.มีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสบการณ์และความรู้ให้กับคนอ่านได้ 10.การสร้างคอนเท้นต์ที่เฉพาะเจาะจง ไปยังกลุ่มบัญชีลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพก่อน ดีกว่าหว่านแหแบบไม่มีเป้าหมายไปกลุ่มอื่น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดนี้ถือเป็นเทรนด์ การตลาด ที่ ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงและ นักธุรกิจเครือข่ายไม่ควรพลาด เพราะหากรู้ก่อนย่อมได้เปรียบและมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันสูงในทุกอุตสาหกรรม ใครปรับตัวได้เร็วย่อมสร้างการเติบโตและความสำเร็จได้มากกว่าในยุคของ Next Normal

Loading