ไฮ โบโอไซ จับมือ เอเวอร์ เมดิคอลฯ นวัตกรรมใหม่สเปรย์ยับยั้งเชื้อโควิด-19

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่การคิดค้นวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่มาต้านทานความรุนแรงหลังต้องติดเชื้อไวรัสร้ายเท่านั้น แต่ในเวลาเดียวกัน ทีมนักวิจัยยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งป้องกัน ไม่ให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์เข้าสู่ร่างกายเช่นกัน ล่าสุด ไฮ ไบโอไซ ร่วมมือกับ เอเวอร์ เมดิคอล เทคโนโลยี ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ของคนไทยในการวิจัยทางคลินิกสำหรับสเปรย์พ่นจมูกยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19

เมธี จารุมณีโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท ไฮ ไบโอไซ จำกัด ได้เปิดเผยถึงข่าวดีถึงความสำเร็จของงานวิจัย ที่นำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ปกป้องชีวิตมนุษย์จากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรูปแบบ “สเปรย์พ่นจมูก” ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ที่มีการระบาดในปัจจุบัน วันนี้ทาง ไฮ ไบโอไซ ได้ผ่านงานวิจัยในขั้นตอนเบื้องต้นในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองแล้ว รวมถึงได้ทำการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ ตามมาตรฐานสากลเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการเก็บข้อมูลผ่านระบบของ บริษัท เอเวอร์ เมดิคอล เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งในขณะนี้ อยู่ในระหว่างการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญหลังจากได้ยื่นจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์กับทาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำออกจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

เหตุผลที่ต้องวิจัยยาสเปรย์พ่นจมูกนั้น เมธี กล่าวว่า “เป็นเพราะที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังพบการติดเชื้ออยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเรื่องของการวิจัยด้านภูมิคุ้มกันของมนุษย์มีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้าไปเกี่ยวข้องและมีการศึกษาค้นคว้าอย่างเต็มที่ ทำให้ทาง ไฮ ไบโอไซ ได้เล็งเห็นถึงงานวิจัย ที่ทางคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทำเรื่องของเทคโนโลยีที่นำเอาภูมิคุ้มกันแอนติบอดี้ของมนุษย์มาประยุกต์ใช้เพื่อการป้องกันโควิด-19 ขึ้นมา”

โดยเทคโนโลยีนวัตกรรมดังกล่าว มีจุดเด่นอยู่ที่การออกแบบด้วยการนำเอาแอนติบอดี้ของมนุษย์ที่มีความสามารถในการยับยั้งเชื้อโควิด-19 อย่างจำเพาะ มาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ “สเปรย์พ่นจมูก” โดยอาศัยคุณสมบัติทั่วไปของตัวแอนติบอดี้ที่เป็นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติและมีอยู่แล้วในโพรงจมูกของมนุษย์เสริมให้เกิดความมั่นใจอย่างสูงในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นทางเลือกในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

“หลังจากที่มีการทดสอบในสัตว์ทดลอง และในกระบวนวิจัย พบว่าแอนติบอดี้ในผลิตภัณฑ์ของเรา สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็นการตอบโจทย์การใช้ชีวิตร่วมกับ โควิด-19 โดยมาช่วยเป็นมาตรการเสริมที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อโควิด ทำให้สเปรย์พ่นจมูกนี้เป็นนวัตกรรมที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมีการประกาศยกเลิกการสวมใส่หน้ากาก ที่เชื่อว่าจะทำให้คนกลับมามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น”

ด้าน บริษัท เอเวอร์ เมดิคอล เทคโนโลยี จำกัด ผู้ร่วมพัฒนางานวิจัยทางคลินิก ดร.ศรายุทธ เอี่ยมคง ตัวแทนผู้บริหารบริษัท กล่าวว่า บริษัท มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานและสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยและผลิตภัณฑ์ ของคนไทย โดยบริษัทได้มีส่วนร่วมในส่วนของการวิจัยทางคลินิก ซึ่งทางบริษัทมี digital platform สำหรับเก็บข้อมูลและประมวลผลของงานวิจัยทางคลินิกโดยเฉพาะ ซึ่งเป็น digital solution เพื่อให้แพทย์ พยาบาล และบุคคลากรทางด้านงานวิจัย ผู้ทำหน้าที่ดำเนินการวิจัยได้รับความสะดวก รวดเร็วในการเชื่อมโยงข้อมูลที่ต้องการจากอาสาสมัคร รวมทั้งทำให้การวิจัยเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยระบบที่ใช้ได้ถูกออบแบบให้มีเชื่อมโยงระหว่าง web application และ mobile application เพื่อให้การเก็บข้อมูลสำหรับงานวิจัยทำได้ทั้งในสถานพยาบาล และนอกสถานพยาบาล

ซึ่งผู้วิจัยสามารถติดตามผลได้อย่าง real-time ผ่าน dashboard ที่ออกแบบมาเพื่อการวิจัยโดยตรง ซึ่งสำหรับการวิจัยครั้งนี้ บริษัทได้นำระบบดังกล่าวดำเนินการในการเก็บข้อมูลจากการทดลองตัวสเปรย์พ่นจมูก ซึ่งเป็นการช่วยให้แพทย์ พยาบาล และนักวิจัยสามารถติดตามผลการทดลองต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกเช่น การเตือนการพ่นสเปรย์พ่นจมูก การรับสเปรย์พ่นจมูก การกรอกข้อมูลในทุกวัน ช่วยลดภาระงานที่ต้องโทรศัพท์หรือส่งอีเมลติดตาม โดยทางบริษัทจะดีไซน์ในแพลตฟอร์มร่วมกับทีมนักวิจัยเพื่อให้รูปแบบตรงกับวิธีการวิจัยและทดลองทางคลินิก ตัวอย่างเช่น การกรอกข้อมูลการใช้ยาต้องดำเนินการทุกเช้าและบ่าย การรายงานอาการแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาในระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น ซึ่งการเก็บข้อมูลที่ละเอียด ครบถ้วน และแม่นยำนี้เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการวิจัยทางคลินิก และจะช่วยสร้างหลักฐานเพื่อช่วยสนับสนุนนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ให้ผ่านการขอขึ้นทะเบียนและเกิด ประโยชน์ในการนำไปใช้ออกสู่ตลาดได้ต่อไป

Loading