“พวกเราได้มาเห็นโมเดลธุรกิจพีอาร์ไนน์ในเรื่องของการเป็น Network Marketing ซึ่งเป็นงานที่เราสามารถทำให้สำเร็จได้โดยการขยายองค์กร เริ่มจากการลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ และสิ่งต่อมาที่ได้ก็คือ “หนึ่งคนหนึ่งเครือข่าย” ซึ่งก็เป็นเหมือนหนึ่งแฟรนไชส์ ทำให้เรามองว่าจะมีคนเก่งเยอะที่สามารถมาทำงานให้เราได้โดยไม่ต้องลงทุนมากเหมือนธุรกิจอื่น”
เสนอ เพชรคงทอง Double Diamond Executive Millionaire Club 5 ล้าน และ จุฑารัตน์ ผลพฤกษา Diamond Executive Millionaire Club 5 ล้าน ของ บริษัท พีอาร์ไนน์ คอร์ปอเรชัน จำกัด กับการตามหาธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ให้ได้ทั้งในด้านสุขภาพ รายได้ และอิสรภาพทางเวลา ที่สำคัญต้องทำให้สำเร็จแบบเสร็จได้ เมื่อมาพบกับ พีอาร์ไนน์ ก็ทำให้พวกเขาพบสิ่งที่ตามหา และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้จริง
วันนี้ Hall of Fame พามารู้จักกับทั้งคู่ เริ่มจากฝ่ายหญิง จุฑารัตน์ เคยทำธุรกิจส่วนตัวคือร้านทำผม แต่เมื่อธุรกิจเสริมสวยเติบโตขึ้น คนเริ่มเข้าถึงอุปกรณ์เสริมสวยได้มากขึ้น ทำให้รายได้ในร้านลดลงจึงมาสนใจร่วมทำธุรกิจกับ พีอาร์ไนน์ ส่วนฝ่ายชายคือ เสนอ นั้น เคยเปิดธุรกิจบริการซ่อมรถยนต์ ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยเป็นลูกจ้างมาก่อน จึงอยากก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของกิจการเพราะคิดว่าเป็นลูกจ้างไม่น่าจะทำให้รวยได้ แต่เมื่อได้เป็นเจ้าของกิจการแล้ว เขาเลยได้รู้ว่าต้องมีเงินทุนที่มากพอ เพราะเมื่อมีคู่แข่งที่เงินทุนมากกว่า มีช่างมากกว่า เครื่องมือที่ทันสมัยในราคาสูง เมื่อเกิดการแข่งขันจะสู้ได้ยาก สุดท้ายผลประกอบการที่ทำมาได้ประมาณ 10 ปี เกิดเป็นภาระหนี้สิน แถมยังไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของเวลา พร้อมทั้งต้องรับภาระดูแลลูกน้องมากกว่า 30 ชีวิต เมื่อเป็นปัญหามานานหลายปี เสนอ เริ่มมองว่า “งานที่ชอบ กลับไม่ใช่งานที่ใช่” ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตที่อยู่กับสีรถยนต์ และสารระเหย รวมถึงไลฟ์สไตล์ในการกินอยู่ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพขึ้น จุดเปลี่ยนนี้จึงทำให้เขามองหาธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ในการใช้ชีวิต จนได้มาศึกษาหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ยิ่งตอกย้ำว่าที่ผ่านมาอาชีพที่ทำไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ ดังนั้นเมื่อมาพบ พีอาร์ไนน์ ในปี 2557 ก็ทำให้เขารู้ว่านี่คือธุรกิจที่จะทำให้เขาได้พบในสิ่งที่ต้องการ
“พวกเราได้มาเห็นโมเดลธุรกิจพีอาร์ไนน์ในเรื่องของการเป็น Network Marketing ซึ่งเป็นงานที่เราสามารถทำให้สำเร็จได้โดยการขยายองค์กร เริ่มจากการลงทุนน้อยความเสี่ยงต่ำ และสิ่งต่อมาที่ได้ก็คือ “หนึ่งคนหนึ่งเครือข่าย” ซึ่งก็เป็นเหมือนหนึ่งแฟรนไชส์ ทำให้เรามองว่าจะมีคนเก่งเยอะที่สามารถมาทำงานให้เราได้ โดยไม่ต้องลงทุนมากเหมือนธุรกิจอื่น ส่วน จุฑารัตน์ เข้ามารู้จัก พีอาร์ไนน์ นอกจากเรื่องของงานเสริมสวยที่เริ่มซบเซา ยังเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพด้วย ก็เลยได้เปิดใจทำกับ พีอาร์ไนน์ ไปด้วยกัน”
อีกสิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่ประทับใจในธุรกิจ พีอาร์ไนน์ ก็เพราะตอบโจทย์ชีวิตที่พวกเขาไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยก็คือ การทำงานที่ถึงแม้ว่านอนหลับก็มีเงินเข้ามาอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่เคยมีใครสอนพวกเขา แต่เมื่อเข้ามาอยู่ที่นี่ทำให้รู้ว่า การทำธุรกิจนี้เป็นการทำงานที่ทำให้สำเร็จแบบเสร็จ หรือที่เรียกว่า Passive Income โดยเล่าให้ฟังว่า ตอนจังหวัดที่พวกเขาอยู่ คือ สุราษฎร์ธานี เกิดวิกฤติน้ำท่วม ทุกคนต้องขาดรายได้ แต่ทั้งคู่ยังมีเงินเข้ามาทุกอาทิตย์เป็นหลักหลายหมื่น ทำให้ไม่เดือดร้อนทั้งที่ไม่ได้ทำงาน ตอกย้ำให้รู้ว่าการทำงานแบบ
มีอิสรภาพทั้งด้านการเงิน และเวลานั้นมีอยู่จริง
“พีอาร์ไนน์ ทำให้พวกเราประสบความสำเร็จในเวลาเพียง 3 ปี ที่สำคัญที่สุดในเรื่องของความเพียงพอทางด้านรายได้ซึ่งสามารถดูแลบุพการีตอนที่ท่านยังอยู่กับเรา ทั้งในเรื่องของความเป็นอยู่รวมไปถึงในเรื่องของสุขภาพ สิ่งสำคัญก็คือเพราะที่นี่มีศาสตร์ยาจีนจากวังหลวง ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งยังได้มีการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยมีโรงงานผลิตและวิจัยเป็นของตัวเอง ทำให้เมื่อได้ทานเข้าไปแล้ว สุขภาพของพวกเราดีขึ้นทั้งครอบครัว”
สำหรับความเชื่อในผลิตภัณฑ์นี้นั้น เสนอ เคยประสบปัญหาสุขภาพในเรื่องของตับ ที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเขาได้ทานผลิตภัณฑ์ของที่นี่ก็ทำให้อาการดีขึ้นเป็นลำดับจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้ทั้งคู่เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถนำมาทำเป็นธุรกิจได้ จึงเกิดการต่อยอดให้ประสบความสำเร็จได้อย่างที่หวังและตั้งใจ
จากวันนั้นถึงวันนี้ทีมงานของทั้งคู่มีไม่ต่ำกว่า 4,000 คน ด้วยการเริ่มต้นโดยไม่เคยถูกบ่มเพาะในการทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน และการที่พวกเขาทำได้ถึงขนาดนี้ ก็เพราะได้เรียนรู้ในคอร์สของ อ.เสริมวิทย์ สิริพูนกิติกุล จาก พีอาร์ไนน์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอน ที่มีทั้งงานทักษะ และเคลื่อนพล ซึ่งพวกเขาบอกว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องเรียนรู้และฝึกฝน ทั้งคู่จึงพาสมาชิกให้เข้ามาเรียนรู้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
“ธุรกิจนี้คือธุรกิจของการดึงดูด ไม่ใช่ธุรกิจที่ต้องวิ่งไปหา และที่ที่มีพลังที่สุดในการดึงดูดก็คือสาขา พวกเราจึงส่งสมาชิกเข้าไปให้เรียนรู้ เพื่อนำมาปรับใช้ ได้เข้าใจ และทำได้เหมือนพวกเรา ซึ่งเมื่อระบบการค้นหาคนผ่านแล้ว ก็ถึงขั้นตอนในการรักษาเอาไว้ด้วยการพัฒนา ที่มีคอร์สในเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจเข้ามารองรับทำให้มีอารมณ์ร่วมทางธุรกิจ ส่วนทางด้านออนไลน์นั้นก็ได้รับการพัฒนามากขึ้นจากการที่เราได้ประสบวิกฤติโควิด-19 ทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเราได้นำการทำงานทางด้านออฟไลน์ และออนไลน์มาผสมผสานกันได้เป็นอย่างดี”
พีอาร์ไนน์ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นธุรกิจเครือข่ายทั่วไป แต่สำหรับพวกเรา พีอาร์ไน์ ป็นเหมือนบ้าน ที่ให้ทั้งความอบอุ่น ความมั่นคง และความเป็นมืออาชีพ ซึ่งในวันนี้ถ้าคุณกำลังมองหาธุรกิจเครือข่ายที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ที่นี่มีครบที่นักธุรกิจเครือข่ายสักคนจะแสวงหา เพราะนอกจากจะทำให้สำเร็จแบบเสร็จแล้ว ยังส่งต่อเป็นมรดกสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน และคนที่เรารักได้อีกด้วย
