ทลาย ! แชร์ฟาร์มเห็ดทิพย์ ตุ๋นจนเปื่อยก่อนเชิดหนีร่วมพันล้าน

แก๊งตุ๋นทำฟาร์มเห็ดทิพย์กลโกงระดมทุนแล้วเชิดหนีแบบเดิม ๆ หลอกคนอยากรวยลงทุนทำธุรกิจ จูงใจด้วยผลตอบแทนสูงถึง 18-30% ก่อนเบี้ยวไม่จ่ายเงินปันผล เหยื่อรวมตัวร้องทุกข์กองปราบฯ คาดมีผู้เสียหายกว่า 2,000 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 1,290 ล้านบาท ตำรวจเร่งออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน คาดผู้บริหารตัวการหอบเงินหนีออกนอกประเทศแล้ว เตรียมประสาน INTERPOL ลากตัวกลับมาลงโทษ

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต.สรรธาน อินทร์จักร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร พ.ต.อ.พุฒินันท์ อำพันธ์ ผกก.สภ. เมืองสกลนคร พ.ต.อ.สถาพร รอดโพธิ์ทอง รอง ผบก.สอท.3 ประยงค์ ภูดินทราย เกษตรจังหวัดสกลนคร ฉัตรชัย ศรีเฉลา เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสกลนคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมกำลังเข้าตรวจสอบฟาร์มเห็ดของบริษัทลงทุนฟาร์มเห็ดที่ใช้ชื่อว่า Turtle Farm ที่ถนนสกลทวาปี ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร หลังได้รับการร้องเรียนจากเหยื่อหลายรายว่าถูกหลอกระดมทุนฟาร์มเห็ด แล้วไม่ได้รับเงินปันผลตามที่ตกลงไว้ เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าตรวจสอบและอายัดข้อมูลต่าง ๆ โดยห้ามเคลื่อนย้ายหรือกระทำการใด ๆ ในทันที

ต่อมาเจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ จึงได้รีบผสานกำลังกับชุดสืบสวน สภ.เมืองสกลนคร นำหมายศาล จ.สกลนคร และหมายจับ 8 หมาย เข้าตรวจสอบบริษัทและฟาร์มเห็ด Turtle Farm เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมในการดำเนินคดีบริษัทและผู้เกี่ยวข้องในการลงทุนทำฟาร์มเห็ดที่มีการอ้างว่าจะมีการจ่ายปันผลสูง 18-30% โดยมีการจ่ายเงินปันผลในช่วงแรกเท่านั้น แต่ต่อมากลับไม่มีการจ่ายตามที่ตกลงไว้ พบว่ามีผู้เสียหายเกือบ 2,000 ราย มูลค่ารวมกว่า 1,290 ล้านบาท ทั้งในตัวจังหวัดสกลนคร และจังหวัดอื่น ๆ

พล...กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. กล่าวว่า กรณีการทลาย เครือข่ายหลอกลงทุน ได้ตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย และติดตามจับกุมเพิ่มเติม โดยพบว่าผู้ต้องหารายสำคัญ เคยก่อเหตุมาแล้วในหลายคดี มีการเปลี่ยนแปลงซื่อนามสกุลตนเองหลายครั้ง และมีการเปลี่ยนแปลงตำหนิรูปพรรณตนเองเพื่อสะดวกในกระทำความผิด หรือเพื่อการหลบหนีอีกด้วย เชื่อว่าในขณะนี้ผู้ต้องหาได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว 3 ราย

ทั้งนี้ ขบวนการแก๊งต้มตุ๋นลงทุนฟาร์มเห็ดเริ่มต้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ผู้ต้องหากับพวก ได้ร่วมกันจัดตั้ง บริษัท ไมน์นิ่ง มายน์ เอ็กซ์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดสถานีหลักสี่ โดยได้สร้างโรงเพาะเห็ดขึ้นมาหลายโรง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ไว้เพื่อหลอกลวงชักชวนประชาชนให้มาร่วมลงทุนต่าง ๆ ได้แก่ การเพาะปลูกเห็ดเยื่อไผ่ ปลูกกัญชา พืชกระท่อม และเลี้ยงผึ้งผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดียต่าง ๆ โดยอ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากแต่มีเงื่อนระยะเวลาในการลงทุน เช่น

หากลงทุนเป็นจำนวนเงิน 132,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน หลังจากลงทุนไปแล้ว 4 เดือน ในอัตราเดือนละ 53,200 บาท ทุกเดือน เป็นระยะเวลา 7 ปี โดยมีการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยการทำสัญญาระหว่างผู้ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา มีการใช้บุคคลสำคัญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมโฆษณาชักชวน มีการสร้างภาพว่า ฟาร์มดังกล่าวได้รับรางวัล ทำให้ผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อ และนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในบางรายเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้าย บางรายต้องเอาทรัพย์สินไปจำนองเพื่อให้ได้เงินมาลงทุนต่อมาผู้ต้องหากับพวกอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหายได้ และไม่สามารถติดต่อได้ในเวลาต่อมา ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดสถานีหลักสี่ จดทะเบียนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ล่าสุดทุน 100 ล้านบาท ประกอบการขายส่งเครื่องจักรอุปกรณ์และเครื่องใช้ทางการเกษตร ที่ตั้งเลขที่ 102/3 ถนนสกลทวาปี ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร มีหุ้นส่วน 3 คน นางสาวพลอยฐิตา นิรมิตบุญวัฒน์ (ชื่อเดิม นางสาวเบญญาดา กฤติยาธนากุล) นางสาวนันทวดี นันทศิริ ลงทุนด้วยเงินคนละ 40 ล้านบาท นางสาวฐิตารีย์ ชัชวาลธนวินทร์ ลงทุนด้วยเงิน 20 ล้านบาท ยังไม่ส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

บริษัท ไมน์นิ่ง มายน์ เอ๊กซ์ จำกัด เดิมชื่อ บริษัท นานาออล บิซิเนส จำกัด จดทะเบียนวันที่ 26 ตุลาคม 2559 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ล่าสุด 250 ล้านบาท ประกอบกิจการด้านการเงินและการลงทุน จัดสรรการลงทุนให้กับสมาชิก รวมทั้งการรับ ออก โอนเงิน หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทุกสกุลเงินและสกุลเงินดิจิทัลทุกประเภท (เมื่อได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว) ที่ตั้งเลขที่ 102/3 ถนนสกลทวาปี ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร (ที่ตั้งเลขที่เดียวกับ ห้างหุ้นส่วนจำกัดสถานีหลักสี่) นางสาวพลอยฐิตา นิรมิตบุญวัฒน์, นางสาวนันทวดี นันทศิริ และ นางสาวฐิตารีย์ ชัชวาลธนวินทร์ เป็นกรรมการ

งบแสดงฐานะการเงิน ล่าสุด รอบปีสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 4,888.94 บาท กำไรสุทธิ 1,193.41 บาท (ก่อนหน้านี้รอบปี 2560 รายได้รวม 4,822.17 บาท ,ปี 2561 รายได้รวม 4,839.51 บาท ปี 2562 รายได้รวม 4,864.66 บาท กำไรสุทธิปีละประมาณ 1,100 บาท) งบดุล สินทรัพย์รวม 249,431.90 บาท หนี้สิน 3,535 บาท ขาดทุนสะสม 4,103.10 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 249,431.90 บาท ผลประกอบการรายหลังมีรายได้ระหว่างปี 2560-2563 เพียงปีละประมาณ 4,800 บาท กำไรสุทธิปีละประมาณ 1,100 บาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้สืบสวนสอบสวนและรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสกลนครขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย คือ นางสาวประภากร อายุ 25 ปี, นางสาวอนัญญา อายุ 23 ปี และ นางสาวศิลปสุภา อายุ 23 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางภายในบริษัท และบ้านผู้ต้องหากว่า 200 รายการ

ส่วนกรณีผู้ต้องหาที่หลบหนีกำลังติดตามจับกุมต่อไป โดยส่วนที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร จะมีหนังสือแจ้งไปยังกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะประสานกับองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ดำเนินการประกาศตำรวจสากลสีแดง หรือ INTERPOL Red Notice ให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีเหยื่อบางรายที่ยังคงปักใจเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทน ไม่ยอมแจ้งความ โดยหวังจะได้เงินตอบแทน ขอให้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับมิจฉาชีพกลุ่มนี้

สำหรับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 (มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ), กู้ยืมเงินอันเป็น การฉ้อโกงประชาชน ตาม พ... การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.. 2527 มาตรา 3, 4, 5, 12 (มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 500,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่) และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน ตาม พ... คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) (มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

Loading