บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“TLI” หรือ “ไทยประกันชีวิต”) ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (“IPO”) พร้อมกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศหลังเสร็จสิ้นกระบวนการสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้น(Bookbuilding) สำหรับนักลงทุนสถาบัน และความสนใจในการลงทุนเป็นจำนวนมากหลังจากปิดการจองซื้อหุ้นของนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่มั่นคง และศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและอย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การลงทุนที่มีความผันผวน คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 37,067 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ที่ราคาเสนอขายหุ้นที่ 16.00 บาทต่อหุ้น นับเป็น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”) ในปี 2565 และเป็น IPO ของหุ้นในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย รวมทั้งยังมีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดสูงในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับจากปี 2543 โดยคาดว่าหุ้น TLI จะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก 25 กรกฎาคม 2565 นี้
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยประกันชีวิต ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจในการเข้าลงทุนหุ้น TLI และให้ความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของไทยประกันชีวิต ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้น (Bookbuilding) สำหรับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก และการจองซื้อหุ้นของนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยหุ้น TLI ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยมและความสนใจในการลงทุนเป็นจำนวนมาก แม้ในสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ด้านตลาดทุนที่ยังคงมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ผมและทีมผู้บริหารของไทยประกันชีวิตมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว และเพื่อประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตลอดจนมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ไทยประกันชีวิตจะเป็นบริษัทประกันชีวิตที่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย ตลอดจนอยู่เคียงข้างดูแลลูกค้าและคนไทยอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ จากกระแสตอบรับและความสนใจอันล้นหลามของนักลงทุนแต่ละประเภท ไทยประกันชีวิตได้จัดสรรหุ้นจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,316.7 ล้านหุ้น (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเต็มจำนวน) คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 37,067 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) ประมาณ 183,200 ล้านบาท ที่ราคาเสนอขาย 16.00 บาทต่อหุ้น โดยมีสัดส่วนเสนอขายระหว่างนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 69.9 และร้อยละ 30.1 ตามลำดับ และสัดส่วนระหว่างนักลงทุนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 60.5 และร้อยละ 39.5 ตามลำดับ จากการทำ IPO ในครั้งนี้
สำหรับเงินที่ไทยประกันชีวิตได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้รวมประมาณ 13,600 ล้านบาท ไทยประกันชีวิตจะนำไปต่อยอดธุรกิจ นำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง และเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ได้แก่ (1) การลงทุนเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และการทำการตลาดและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยไทยประกันชีวิตจะมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการแบบลักษณะเฉพาะบุคคล (Personalization) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย (2) การรักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตของประเทศไทยด้วยการเสริมสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีอยู่ของไทยประกันชีวิตให้เข้มแข็งมากขึ้น พร้อมไปกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์ รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยการนำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรและเพิ่มคู่ค้าในการจัดจำหน่าย ประมาณ 5,400 ล้านบาท และ (3) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุนให้มากยิ่งขึ้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่น ๆ ในอนาคต ประมาณ 6,200 ล้านบาท
ผู้ลงทุนที่สนใจในหุ้น TLI แต่มิได้จองซื้อ ณ IPO สามารถซื้อหุ้น TLI ได้ในตลาดรอง โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก 25 กรกฎาคมนี้ พร้อมกับเริ่มทำการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น (Stabilization Activity) ในช่วง 30 วันแรกหลังหุ้นของ TLI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยผู้ลงทุนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ investor.thailife.com หรือโทร. 1124 หรือ 02-354-2424-5
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน