“ซัคเซสมอร์” ปูพรมเจาะตลาดเกษตรกรทั่วประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์ทรานฟอร์มเสริมอาหารพืชแบรนด์ “Growing more” ชูจุดเด่นแก้ปัญหาดินเสีย ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตได้เท่าตัว ช่วยอุ้มเกษตรกรฝ่าวิกฤติ ปุ๋ยแพง เน้นวางกลยุทธ์การตลาดแบบเจาะลึกถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ 4 ช่องทางหลัก สร้างคอนเท้นต์ ครีเอเตอร์ (Content Creator) เพื่อรองรับเกษตรกรรุ่นใหม่ จัดหนักโปรโมชั่นพร้อมทีมการตลาดลงพื้นที่ทำฟาร์มสาธิต พร้อมขยายฐานคอมมูนิตี้เกษตรกรรุ่นใหม่ผ่าน Facebook “KasetTransform” คาดดันยอด “Growing more” เติบโตทะลุ 20 % สิ้นปีนี้
CEO นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM เปิดเผยว่า ในปีนี้ ซัคเซสมอร์เน้นวางกลยุทธ์การตลาดแบบเจาะลึกถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ 4 ช่องทางหลัก ประกอบไปด้วย 1.กลยุทธ์การเจาะตลาดและขยายฐานเกษตรกรทั่วประเทศไทย 2.กลยุทธ์แบบเจาะลึกกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์เรือธง Niche Market โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพืชทรานส์ฟอร์ม 3.กลยุทธ์การปูพรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพืชทรานส์ฟอร์มครอบคลุมทุกประเภทพืช และ 4.กลยุทธ์การให้ความรู้เกษตรกรแบบองค์รวม
“เรามีการสร้างเครื่องมือสนับสนุนการทำตลาดในทุก ๆ ด้าน อาทิ การสร้างทีมการตลาดที่จะเข้าไปให้ความรู้เกษตรกร การทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย การจัดทำป้ายไวนิลไปติดตามแปลงของเกษตรกรที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทรานส์ฟอร์ม การให้ความรู้ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ศัตรูพืช และการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง NPK (ปุ๋ยเคมี ที่ย่อมาจากธาตุอาหารหลัก ได้แก่ N (ไนโตรเจน), P (ฟอสฟอรัส) และ K (โพแทสเซียม) กับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพืชทรานส์ฟอร์มที่ช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนการผลิตลดลง ส่วนการตลาดดิจิทัลในปีนี้จะมีอยู่ 2 ด้านด้วยกัน 1.เรื่องของการพัฒนาคอนเท้นต์ที่อยู่ในโซเชียลมีเดีย (Social Media) รวมถึงอยู่ในแฟนเพจเฟซบุ๊กเกษตรทรานส์ฟอร์ม และ 2. การพัฒนาเกษตรกรให้เป็นคอนเท้นต์ครีเอเตอร์ (Content Creator) เพื่อรองรับเกษตรกรรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นรุ่นลูก เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเชื่อมต่อองค์ความรู้สู่เจเนอเรชั่นเดียวกันได้เป็นอย่างดี”
บริษัทฯ มีการปรับพอร์ตสินค้าที่โฟกัสไปกลุ่มสินค้าที่มีผลกำไรมากขึ้น ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพืชทรานส์ฟอร์ม ทำให้ Bottom Line มีทิศทางการเติบโตที่ดี ส่วนในไตรมาสถัดไปจะเน้นการโฟกัส KPI พื้นฐานของเน็ตเวิร์ก มาเก็ตติ้ง ตั้งแต่การขยายฐานของสมาชิกให้มีการเติบโต การเพิ่มเปอร์เซ็นต์การแอคทีฟของสมาชิก การเพิ่มคุณภาพของสมาชิกที่เน้นการผูกพันในตัวของแบรนด์ดิ้งด้วยการซื้อสินค้าที่ต่อเนื่อง
“เมื่อเราวางกลยุทธ์มุ่งไปที่การทำ KPI ก็จะต้องมีกลยุทธ์รองรับการวัดของ KPI แต่ละตัว เช่น การขยายฐานสมาชิก ก็จะขยายด้วยเครื่องมือดิจิทัล การขยายด้วยชุดสินค้าเปิดใจแบบง่าย ๆ รวมถึงการเซอร์วิสแบบต่าง ๆ เรามีการทำ CRM ที่ช่วยในการดูแลสมาชิกให้ดีขึ้น รวมถึงกลยุทธ์การส่งพลังแบรนด์ให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือ สามารถทะลุทะลวงไปยังกลุ่มของผู้คนที่ต้องการดูแลสุขภาพ โดยไม่ยึดติดโมเดลธุรกิจว่าเป็นเครือข่ายแล้วไม่น่าสนใจ และกลยุทธ์ในเรื่องของการเทรนนิ่งพัฒนาคนในเรื่องของ Mindset , How-to , Leadership Communication โดยตั้งเป้าให้ได้อย่างน้อย 500 คน เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีขององค์กรในการขับเคลื่อนให้มีการเติบโต”
ด้าน นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รากฐานสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคงและมียอดขายในระยะยาว คือการสร้างฐานผู้บริโภคและสมาชิกให้มีจำนวนที่มากพอและมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยสำคัญคือสินค้าต้องมีคุณภาพและความหลากหลายเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการซื้อซ้ำ ด้วยเหตุนี้หลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ให้ครอบคลุมผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรภายใต้แบรนด์ “Growing more” ถือเป็นอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์เด่น ที่ทางบริษัทฯ มุ่งมั่นคัดสรรมาเพื่อขยายฐานผู้บริโภคและแก้ปัญหาให้เกษตรกรไทยโดยเฉพาะ เพื่อช่วยลดต้นทุนของการใช้ปุ๋ย เพิ่มผลผลิต ด้วยการวิจัยเทคโนโลยีใหม่เป็นอีกทางเลือกที่ดีกว่าการใช้ปุ๋ย NPK แบบเดิม ๆ โดย ปัจจุบันแบรนด์ Growing more มีผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรทั้งหมด 3 รายการด้วยกัน ได้แก่ 1. TransForm Plus สูตร 1 2. TransForm Plus สูตร 2 และ 3. ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงดิน TransForm Soil “TransForm Plus ทั้งสองสูตร ถือเป็นการฉีกกฎการให้สารอาหารพืชแบบเดิม ๆ เพราะเป็นสารอาหารที่ฉีดพ่นทางใบ จึงช่วยให้พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นธาตุรองเสริมองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยในการเร่งการเจริญเติบโต ไม่ทำลายหน้าดิน และช่วยเพิ่มผลผลิตด้วยต้นทุนที่ถูกลงกว่าการใช้ปุ๋ย NPK ที่สำคัญยังสามารถใช้กับพืชผักผลไม้ได้ทุกชนิด ด้วยการแนะนำการปรับสูตรให้เหมาะสมกับชนิดของพืชที่แตกต่างกันไป ส่วน TransForm Soil เป็นผลิตภัณฑ์ปรับปรุงดิน ออร์แกนิก ที่ช่วยปรับสภาพปัญหาดินเสียจากการใช้ปุ๋ยแบบเดิมมายาวนาน ช่วยเพิ่มปริมาณการแตกรากใหม่ กระตุ้นการทำงานของจุลินทรีย์ในดิน เพิ่มธาตุอาหารในดิน ลดการใช้ปุ๋ยให้พืชดูดซึมสารอาหารได้ดีมากขึ้น เพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกันพืช กระตุ้นการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต” นพ.สิทธวีร์กล่าว
สำหรับจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งของ “ผลิตภัณฑ์ TransForm” แบ่งออกเป็น “5 ข้อหลัก” ได้แก่ 1. “ลดต้นทุน” จากเดิมปุ๋ย NPK 1 กระสอบปริมาณ 50 กิโลกรัมใช้ได้ 1ไร่ แต่ผลิตภัณฑ์ TransForm Plus 1 ขวด ใช้ได้เฉลี่ยถึง 10 ไร่ 2. “เพิ่มผลผลิต” ได้เป็นเท่าตัว เนื่องจากได้ธาตุรองเสริมที่ฉีดพ่นทางใบ มีเทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้สารจับใบ จึงใช้ได้กับพืชทุกชนิด และดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง 3. “พืชได้ธาตุรองเสริมที่ครบ” ช่วยเพิ่มผลผลิตและเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับพืช 4. “พกพาสะดวก” ทำงานง่ายขึ้น สามารถโดรนฉีดพ่นได้ และค่าขนส่งลดน้อยลง และ 5. “แก้ปัญหาดินเสีย” ดินเปรี้ยว ดินเค็ม ไม่เก็บน้ำ ที่เกิดจากการใช้ปุ๋ย NPK มาเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป
“สำหรับปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร “TransForm” ภายใต้แบรนด์ “Growing more” ขยายตลาดครอบคลุมเกือบทุกภาคทั่วประเทศ โดยมียอดขายที่เติบโตสูงสุดในพื้นที่ “ภาคเหนือ” สุโขทัย กำแพงเพชร และเชียงใหม่ “ภาคตะวันออก” ระยอง จันทบุรี ตราด และ “ภาคใต้” ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช” นพ.สิทธวีร์ กล่าวสรุป