เมืองไทยประกันภัย กับการยืนหนึ่งเคียงข้างสังคมไทยอย่างมั่นคง ตลอดทั้งปี 2564 ร่วมฝ่าวิกฤติโควิด-19

สำหรับการทำธุรกิจในยุคนี้ จะต้องใช้ศาสตร์ที่สำคัญ คือ ศาสตร์แห่งการปรับตัว และปรับเปลี่ยน หนึ่งในประโยคที่ได้กล่าวไว้ของ “นวลพรรณ ล่ำซำ” กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI ผู้ให้บริการด้านประกัน วินาศภัยชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ด้วยการดำเนินธุรกิจของ เมืองไทยประกันภัย กว่า 89 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 90

โดยตลอดปี 2564 ที่ผ่านมานั้น เราทุกคนต่างเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เจอกับเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งทำให้การดำเนินธุรกิจ และการบริหารองค์กรเต็มไปด้วยความท้าทายและยากลำบากอย่างมากสำหรับธุรกิจประกัน

โจทย์หลัก ๆ ของ ‘เมืองไทยประกันภัย’ คือ การปรับตัว และปรับเปลี่ยน เพื่อรองรับและก้าวตามให้ทันต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนตลอดเวลา โดยวิเคราะห์ติดตามเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างใกล้ชิด รวมถึงใส่ใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หลังจากที่ถูกไวรัสโควิด-19 และดิจิทัล เข้ามา disturb ทำให้การใช้ชีวิตต้องปรับตัวเพื่อรองรับต่อสถานการณ์ จนเกิดปรากฏการณ์ New Normal ขึ้น เมืองไทยประกันภัยจึงได้ปรับ Business Model ให้มีความเหมาะสมในทุก ๆ ด้าน อาทิ

การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้มีความสอดคล้องและรองรับความต้องการของผู้บริโภคในตลาดประกันมากขึ้น มอบความคุ้มครองที่คุ้มค่า สร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภค อาทิ ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยการเดินทาง ประกันอัคคีภัยและทรัพย์สิน ประกันภัยสำหรับภาคธุรกิจ และประกันภัยอื่น ๆ

การพัฒนาช่องทางการให้บริการ โดยยึดหลักการพัฒนาการให้บริการที่ผสมผสานระหว่าง ช่องทางบริการเดิมที่มีอยู่และช่องทางดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และเร่งขยายช่องทางใหม่ผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในกลุ่มสถาบันทางการเงิน และนอกเหนือจากนั้น ยังได้ขยายช่องทางไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อสังหาริมทรัพย์ และแอปพลิเคชันอื่น ๆ เพื่อรองรับความต้องการและตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้กว้างมากขึ้น

การพัฒนาทรัพยากรบุคคลภายในองค์กร เน้นการทำงานที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คู่ไปกับการเสริมสร้างความรู้แบบไม่หยุดนิ่ง สร้างบรรยากาศการทำงานที่ยืดหยุ่น ด้วยการหมุนเวียนสลับปรับเปลี่ยนหน้าที่ช่วยเหลือองค์กรในช่วงวิกฤต พร้อมกับยกระดับศักยภาพการทำงานให้แก่พนักงาน เพราะเชื่อว่า องค์กรจะเดินหน้าต่อไปได้ ต้องอาศัยบุคลากรที่มีศักยภาพ อันเป็นผลที่ดีต่อการทำงาน และการให้บริการแก่ลูกค้าได้ที่พัฒนาขึ้นในอนาคต

การพัฒนาเทคโนโลยีขององค์กร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ และรับเทรนด์ InsurTech สร้างการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการเงินและบัญชี การจัดซื้อ การเคลมออนไลน์ การนำเทคโนโลยี AI มาช่วยทำงานหลังบ้าน เพื่อปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งเสริมการบริหารงานภายในให้มีประสิทธิภาพ ทำงานได้อย่างแม่นยำ

การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างรอบด้าน ด้วยการมอบความคุ้มครองประกันภัยโควิด-19 ให้แก่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ของสถาบันทางการแพทย์ มอบอาหารครัวมาดามแก่เจ้าหน้าที่และบุคลากรของโรงพยาบาลสนาม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้บุคลากรด่านหน้าทุกท่านได้อุ่นใจและทำหน้าที่ดูแลคนไทย เต็มกำลังความสามารถ การแจกประกันภัยแพ้วัคซีนโควิด-19 ให้แก่คนทั้งประเทศ จำนวน 2 ล้านสิทธิ์ การมอบอุปกรณ์การแพทย์ แก่รพ. ต่างๆ เพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 รวมไปถึงการมอบกรมธรรม์และเงินสนับสนุนประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มเจ้าหน้าที่อาสาดับไฟป่าเพื่อชาติ

ภายในปี 2564 การดำเนินธุรกิจที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพของเมืองไทยประกันภัย ได้รับการการันตี ด้วยรางวัลต่าง ๆ จากหลายหน่วยงาน อาทิ รางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารดีเด่น จากสำนักงาน คปภ. , การรับรองจากโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 และรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2564 เป็นต้น

นอกจากนี้ การดำเนินงานและธุรกิจของ เมืองไทยประกันภัย ที่ได้เดินทางผ่านมาตลอดทั้งปี 2564 เรายังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และรักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับลูกค้า พันธมิตร คู่ค้า และประชาชนทุกท่าน ว่าเรายังคงพร้อมให้การดูแลและคุ้มครองลูกค้าทุกท่านที่ถือกรมธรรม์ประกันภัยของเมืองไทยประกันภัย ทุกแผน ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย รวมไปถึงประกันภัยโควิด-19 ทุกกรมธรรม์ จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาความคุ้มครอง เพื่อสร้างความอุ่นใจและอยู่เคียงข้างลูกค้าในยามวิกฤต ให้ลูกค้ายิ้มได้อย่างอุ่นใจ เมืองไทยประกันภัย ยิ้มได้ เมื่อภัยมา

Loading