เดินหน้ารุกตลาดอีคอมเมิร์ซ ผ่านออนไลน์แพลตฟอร์มใหม่ ชูนวัตกรรมสินค้าจากน้ำมันกัญชงเจาะตลาดอาเซียน ตั้งเป้าโกยรายได้ 300 ล้านบาทในปี 65
บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF ผู้ผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องปรุงรสชั้นนำ ส่งบริษัทในเครือ “NRF Consumer” เข้าไปถือหุ้นใน บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจ Network Marketing ออนไลน์แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ INDEEM Universal E-Commerce Platform รุกตลาด E-Commerce ผลักดันยอดขายจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดน้ำมันกัญชง (CBD) เป็นรายแรกในประเทศ เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ออกสู่ตลาด โดย บริษัท ตั้งเป้ามีรายได้ 300 ล้านบาทภายในปี 2565
เพ็ญอุไร ไชยชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและการลงทุน บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัติที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ เปิดเผยว่า “ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท เอ็นอาร์เอฟ คอนซูเมอร์ จำกัด หรือ NRF Consumer (เป็นบริษัทในเครือที่ NRF ถือหุ้นในสัดส่วน 100%) เข้าลงทุนใน บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด (INDEEM) ผู้ประกอบธุรกิจ Network Marketing เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์แฟลตฟอร์ม INDEEM Universal E-Commerce Platform ที่นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายผ่านการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค (ในรูปแบบ Omni Channel) สร้างยอดขายจากผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดน้ำมันกัญชง (CBD) เป็นรายแรกในประเทศ”
อรรฆรัตน์ นิติพน ประธานกรรมการ บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทประกอบธุรกิจ Network Marketing แพลตฟอร์มออนไลน์รูปแบบใหม่ INDEEM Universal E-Commerce Platform ภายใต้แบรนด์ INDEEM ที่นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ที่หลากหลาย ทั้ง กลุ่มสกินแคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริษัทของคนไทยไปสู่ระดับสากลผ่านแบรนด์สินค้าที่มีคุณภาพของคนไทย ซึ่งขณะนี้มีฐานลูกค้าสมาชิกกว่า 100,000 ราย เพื่อสร้างรายได้และรอยยิ้มให้แก่สมาชิกอย่างยั่งยืน การร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการนำจุดแข็งของบริษัท NRF ซึ่งมีความชำนาญด้านการผลิต คัดสรรสินค้า และการทำธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก และ จุดแข็งของบริษัทอินดีม คือ การกระจายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายสมาชิกกว่าแสนราย ซึ่งการรวมกันในครั้งนี้ จะทำให้ บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัท Network Marketing ชั้นนำของโลกได้ในเวลาอันสั้น โดยผลิตภัณฑ์ของ INDEEM นั้น จะเน้นการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและความงาม คัดสรรจากแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุดในโลก ผ่านขั้นตอนพิถีพิถันด้วยกระบวนการผลิตในโรงงานของบริษัทฯ ที่ได้มาตรฐาน ISO22716 ผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยมีนวัตกรรมสินค้าที่มีความโดดเด่น และสร้างชื่อเสียงให้แก่ INDEEM ได้แก่ Skincare ยี่ห้อ Adilene ซึ่งใช้ “น้ำพุแร่เย็น” ในกระบวนการผลิต นับเป็นการนำทรัพยากรล้ำค่าจากธรรมชาติแห่งเดียวในประเทศเป็นส่วนผสมหลักของสินค้า อีกทั้ง ยังเป็นช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกร และชุมชนอีกด้วย คาดว่าผลิตภัณฑ์ตัวแรกจากความร่วมมือกัน คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้นวัตกรรม จากสารสกัด “CBD” ที่สกัดจาก “น้ำมันกัญชง” อีกทั้งเราเป็นบริษัท Network Marketing เจ้าแรกที่ได้รับสิทธิ์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CBD ซึ่งเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ให้กับวงการ Network Marketing ในประเทศไทยและในระดับโลก ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่ต้องการและเป็นที่รอคอยของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ และถือว่าเป็นก้าวแรกของสมุนไพรไทยที่ใช้นวัตกรรมในระดับโลก เพื่อตอกย้ำศักยภาพของอินดีมแก่สมาชิกเดิมและผู้ที่สนใจในอนาคต
อรรฆรัตน์ นิติพน ประธานกรรมการ บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า INDEEM มีช่องทางจัดจำหน่ายที่สำคัญผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ คือ “พันล้าน” (phanlaan) ซึ่งเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อรองรับทั้งกลุ่มลูกค้าสมาชิก และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่รักและใส่ใจการดูแลรูปร่างและสุขภาพ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ชอบนวัตกรรมสินค้าแปลกใหม่ โดยสามารถเลือกซื้อสินค้า และได้รับเงินคืนกลับมาในรูปแบบของ โบนัสเงินคืน (Cashback) และ สะสมคะแนน (Point) อีกด้วย ในขณะที่แพลตฟอร์ม “ถูกดี” (TUUKDEE) ที่เตรียมจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ เป็นมาร์เก็ตเพลสที่รวบรวมบรรดาร้านค้าและพาร์ทเนอร์ของ INDEEM เพื่อเป็นช่องทางการตลาดในการซื้อขายที่อำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิกและกลุ่มลูกค้าทั่วไปอีกด้วย
นอกจากนี้ INDEEM พร้อมสนับสนุนนักธุรกิจทุกท่านในการติดเครื่องมือทางความคิด ผ่านแพลตฟอร์ม SKILLUPDEMY ที่ผู้ใช้สามารถสร้างคอร์สออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสร้างรายได้ Passive Income อย่างยั่งยืน
เพ็ญอุไร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและการลงทุน อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับการเข้าไปถือหุ้นในครั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจผ่านช่องทางใหม่ ๆ นอกเหนือจากช่องทางแฟลตฟอร์ม E-Commerce ของบริษัทที่มีอยู่แล้วนั้น พร้อมได้นำสารสกัดน้ำมันกัญชง ที่ผลิตจากนวัตกรรมการสกัดของ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มีมาตรฐานจนได้รับ Certificate of Analysis ( COA ) เพื่อส่งมอบให้ INDEEM เป็นรายแรกในประเทศไทย ที่นำ CBD ไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค จำหน่ายออกสู่ตลาดออนไลน์อีคอมเมิรชผ่านระบบสมาชิกขยายไปในภูมิภาคอาเซียน คาดว่าจะเริ่มนำผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายได้ในไตรมาส 4/2564 ทั้งนี้ หากกระบวนการซื้อหุ้นแล้วเสร็จจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าถือหุ้น INDEEM ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป พร้อมตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ INDEEM และ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีส่วนผสม CBD จำนวน 300 ล้านบาท ภายในปี 2565
“เราเล็งเห็นถึงศักยภาพของ แพลตฟอร์มออนไลน์ของ INDEEM ที่จะเป็นการเพิ่มช่องทางขายผ่านระบบสมาชิกของ INDEEM ที่มีกว่า 1 แสนราย ประกอบกับบริษัทได้ทำ MOU ในโครงการการปลูกและสกัดกัญชงเพื่อเชิงพาณิชย์ โดยปลูกต้นกัญชงกว่า 400 ไร่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จในการสกัดน้ำมันกัญชง (Hemp Oil) ซึ่งเป็นสารไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท สามารถใช้รักษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ ที่สามารถนำมาให้ INDEEM นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชงต่อไป” เพ็ญอุไร กล่าว
ทั้งนี้ NRF เดินหน้าขยายงานตามนโยบายในการขับเคลี่อนองค์กรสู่เป้าหมาย การสร้างทีมงานที่มีคุณภาพและที่มีความเก่งเฉพาะทางในทั่วโลก โดยการใช้แพลตฟอร์ม E-Commerce เพื่อเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคเป็นหลัก การตั้งเป้าหมายของบริษัทในอีก 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ E-Commerce คิดเป็น 30% ของรายได้ทั้งหมด เพื่อไปสู่จุดหมายที่จะสร้าง NRF Online Community เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการ พัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการเดินหน้าเสริมความแกร่ง คิดค้น และวิจัยผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำสารสกัดจากน้ำมันกัญชงมาผลิตเป็น Plant-based food และ Functional product เน้นทำตลาดกลุ่ม Mass Market โดยผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพและราคาเข้าถึงได้ ผ่านการวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศทั่วโลก ตามวิสัยทัศน์ “Food For Future”