“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศมาตรการช่วยเหลือระยะที่สามสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรการล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย เดินหน้าลดค่างวด พร้อมขยายเวลาผ่อนชำระ สำหรับสินเชื่อยานยนต์ทุกประเภท พร้อมยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าให้ก้าวผ่านวิกฤตไปได้
นางกฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี ออโต้ ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2563 และดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน โดยให้การช่วยเหลือลูกค้าทั้งสิ้นกว่า 680,000 ราย ล่าสุด หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่สาม กรุงศรี ออโต้ ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ โดยลดค่างวด ขยายเวลาผ่อนชำระ สำหรับสินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง”
มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าในระยะที่สามของ กรุงศรี ออโต้ มีรายละเอียด ดังนี้
· สินเชื่อเช่าซื้อ
o รถยนต์: ลดค่างวด ขยายเวลาการผ่อนชำระ และสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรง พักชำระค่างวด
o รถจักรยานยนต์: ลดค่างวด ขยายเวลาการผ่อนชำระ
· สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
o รถยนต์: ลดค่างวด ขยายเวลาการผ่อนชำระ และสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรง พักชำระค่างวด
o รถจักรยานยนต์: ลดค่างวด ขยายเวลาผ่อนชำระ
ลูกค้าที่ต้องการสมัครรับความช่วยเหลือ สามารถยื่นความประสงค์ผ่านทางเว็บไซต์ https://service.krungsriauto.com:8443/eform/kapakpon-cv19/ หรือแอปพลิเคชั่น GO Application by Krungsri Auto ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Krungsri Auto Call Center 02-740-7400 กด 3 หรือ กด 5 และสาขากรุงศรี ออโต้ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
“สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรง กรุงศรี ออโต้ พร้อมให้ความช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย อีกทั้งยังให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการคลายความกังวลแก่ลูกค้าในเรื่องภาระทางการเงิน และสนับสนุนให้ลูกค้าก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้” นางกฤติยา กล่าวปิดท้าย
