นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า สมาคม ฯ ได้รับการร้องเรียนจากผู้เอาประกันภัยกรณีมีบุคคลภายนอกที่แสวงหาผลประโยชน์ในฐานะคนกลางประกันภัย โดยอ้างตนมาจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางของทุกบริษัทประกันชีวิต ได้รับมอบหมายให้มาตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยหลงเชื่อแจ้งข้อมูลกลับไป ก็จะนำข้อมูลนั้นมาเทียบกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ต้องการนำเสนอขาย และมักให้เหตุผลว่ากรมธรรม์ฉบับเดิมผลประโยชน์ตอบแทนน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบใหม่ จากนั้นก็จะเสนอให้เวนคืนหรือยกเลิกกรมธรรม์ฉบับเดิมเพื่อทำฉบับใหม่กับตนเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วผลิตภัณฑ์ประกันภัยแต่ละแบบมีรายละเอียด และจุดเด่น ตลอดจนความคุ้มค่า เหมาะสมกับผู้เอาประกันภัยในแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกันออกไป หากผู้เอาประกันภัยหลงเชื่อยกเลิกกรมธรรม์ฉบับเดิมก็จะทำให้แผนความคุ้มครองและการบริหารความเสี่ยงที่เคยมีต้องจบลงก่อนครบกำหนดสัญญา จำนวนเงินเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัย โดยเฉพาะในปีแรกๆ จะน้อยกว่าค่าเบี้ยประกันภัยที่ชำระไปแล้วทั้งหมด เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าความคุ้มครองชีวิตในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พร้อมเสียสิทธิเรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้ด้วยเบี้ยประกันภัยจากกรมธรรม์ประกันภัยที่มีกำหนดระยะเวลาคุ้มครอง ตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป สูงสุดถึง 100,000 บาท ด้วยเช่นกัน และเมื่อทำประกันชีวิตฉบับใหม่อาจต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้น รวมทั้งต้องแถลงข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพต่อบริษัทใหม่ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้มีความเสี่ยงภัยมากกว่าเดิม ซึ่งหากมีปัญหาสุขภาพบริษัทอาจปฏิเสธการรับประกันภัย หรือรับประกันภัยโดยการเพิ่มเบี้ยประกันภัย ในส่วนของสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพยังมีระยะเวลารอคอย (Waiting period ) หรือระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง ตั้งแต่ 30-120 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย เพราะอาจมีอาการเจ็บป่วยมาก่อนทำประกันภัย
สมาคมประกันชีวิตไทยจึงขอเตือนผู้เอาประกันภัยอย่าหลงเชื่อ บุคคลภายนอกที่แอบอ้างเพราะจะทำให้เสียผลประโยชน์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตได้ออกแบบมาให้คุ้มค่ามากที่สุดก็ต่อเมื่อครบกำหนดสัญญา ส่วนผู้ที่มีพฤติกรรมชักชวนดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ในฐานะคนกลางประกันภัย จะมีความผิดตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการออก การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิตและการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต และธนาคาร พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 โดยมีบทลงโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต (ตัวแทนประกันชีวิต/นายหน้าประกันชีวิต) ทั้งนี้ หากผู้เอาประกันภัยมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทประกันชีวิตตามหมายเลขที่แจ้งไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย หรือ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สมาคมประกันชีวิตไทย เบอร์โทรศัพท์ 02-679-8080 e – mail : tlaa@tlaa.org หรือ http://www.tlaa.org