เปิดแผลบริษัทสัญชาติอเมริกัน “วีไซ” เปิดดำเนินธุรกิจเข้าปีที่ 4 สางปมปัญหาค้างจ่ายคอมมิชชันสมาชิกกว่า 5 ล้านบาท “PAUL FRAMPTON” นายใหญ่บินตรวจสอบด่วนสยบวิกฤติพร้อมควักกระเป๋าเคลียร์หนี้สิน เตรียมเดินหน้าวางกลยุทธ์ผลิตสินค้าในประเทศไทย สร้างความแข็งแกร่งยืนระยะยาวในการประกอบธุรกิจ
PAUL FRAMPTON Chief Financial Officer & Vice President Visi Global (CFO) กล่าวว่า “วีไซ” กำเนิดขึ้นในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งแปลว่า “ผู้นำ” และมีความโดดเด่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบจากพืชคลาวด์เบอร์รี่ ซึ่งผู้ก่อตั้งมีความตั้งใจและมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจจากประสบการณ์ในธุรกิจขายตรงกว่า 30 ปี โดย วีไซก่อตั้งธุรกิจขายตรงมาแล้ว 9 ปี มีการขยายสาขาไปทั่วโลกแล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก และประเทศไทยเป็นประเทศที่ 29 เพื่อเป็นฐานในการขยายประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC อาทิ สปป.ลาว เมียนมา มาเลเซีย และประเทศเวียดนาม แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด -19 ทำให้การขยายตลาดไปประเทศเพื่อนบ้านต้องหยุดชะงักไป
สำหรับการบินด่วนเข้ามาประเทศในครั้งนี้เพื่อมาสะสางปัญหาการค้างจ่ายค่าคอมมิชชันสมาชิกเป็นจำนวนเงินกว่า 5 ล้านบาท เนื่องจากมีการจัดโปรโมชั่นเสริมให้กับนักธุรกิจทำให้แผนการจ่ายผลตอบแทนเกิดการโอเวอร์เปย์ โดยทางบริษัทได้แก้ปัญหาโดยการเขียนเช็กให้กับสมาชิก 160 คน และสำหรับสมาชิกที่ยังไม่ได้ผลิตภัณฑ์เนื่องจากสินค้าบางรายการขาดสต๊อก บริษัทจะเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 หรือสมาชิกสามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์อื่นแทน
ด้าน ศุภพงศ์ จันทรวีระกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วีไซ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า วีไซ เปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาแล้ว 3 ปี มียอดขายรวมกว่า 300 ล้านบาท มีสมาชิกกว่า 2 หมื่นรหัส แอคทีฟประมาณ 3,000 รหัส จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของสมาชิกทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาการขนส่งผลิตภัณฑ์จากอเมริกา เพื่อเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย เพราะมีต้นทุนที่สูงและเกิดการล่าช้า จึงมีแนวคิดในการผลิตผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยบางรายการ โดยจะมีการทำสัญญา MOU โรงงานในไทยและควบคุมการผลิตจากโรงงานในอเมริกา และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผลิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้เพื่อแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์ที่ขาดตลาดบริษัทยังมีแผนการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากประเทศจีนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา วีไซ เติบโตจากจุดกระจายสินค้าหรือ “วีไซ ดีลเลอร์” ที่กระจายอยู่ใน 50 จุดทั่วประเทศ โดยในปีนี้ วีไซ จะเซตทีมงานมาชุดหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพของ “วีไซ ดีลเลอร์” ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค โดยจะมีการเข้าไปสอนออนไลน์ที่เรียกว่า “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน” เพื่อให้นักธุรกิจสามารถทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ได้ นอกจากนี้ วีไซ ยังมีแอปพลิเคชัน ที่เป็นเหมือนธนาคารรวบรวมเครื่องมือในการทำธุรกิจ ทุกคนสามารถเข้าระบบแล้วนำเอาคอนเท้นต์ต่างๆ มาใช้ในการทำธุรกิจได้ ซึ่งรองรับทั้งระบบแอนดรอยด์และระบบไอโอเอส
“วันนี้ วีไซ มีความพร้อมแล้วที่จะออกสู่สาธารณะ เราเก็บตัวมานานกว่า 3 ปี เพื่อเตรียมความพร้อม วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะออกรบ เพราะที่ผ่านมาเราสามารถผ่านสถานการณ์เลวร้ายมาได้ ผมมั่นใจว่าปีนี้เราออกรบเราชนะได้แน่นอน”